มีข่าวน่ากลัวเรื่องครอบครัวหนึ่งนั่งรถกระบะไปโดนรถไฟชน โครมเดียวตายคาที่ทั้งหมด 7 ศพ ลือกันว่าสาเหตุเกิดจากไปโค่นต้นไม้ฆ่างูเจ้าพ่อที่อาศัยอยู่ในโพรงไม้นั่นเอามาทำอาหารกินกันอย่างเอร็ดอร่อย เลยถูกแก้แค้นด้วยการมาเอาชีวิตครอบครัวนั้นไปทั้งหมด
เท่านั้นยังไม่น่ากลัวเท่ากับต่อมา บ้านร้างของคนเคราะห์ร้ายทั้ง 7 นั้นถูกไฟไหม้วอดวายหมดทั้งหลัง...ว่ากันว่าเพราะความอาฆาตจองเวรของงูเจ้าพ่อนั่นเอง!
เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงสมัยหนุ่มที่เคยอยู่กาฬสินธุ์ ทางการมาทำถนนเข้าหมู่บ้านหนองจาน จากถนนแดงให้เป็นถนนดำ เขาว่าผู้แทนมาหาเสียงน่ะครับ แต่พวกผมถือว่าไม่แปลกอะไร กลับดีเสียอีกที่เราจะได้ถนนลาดยางจากถนนใหญ่เข้าหมู่บ้าน พวกหนุ่มๆ ที่เอาแต่เที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายาไปวันๆ จะได้มีการมีงานทำด้วย
นายช่างชื่อสมัย ตั้งแคมป์คุมงานอยู่ใกล้ๆ มีรถใช้อีกต่างหาก เป็นคนหัวสมัยใหม่สมชื่อ ไม่เชื่อถือเรื่องผีสางคางแดงหรอกครับ ผีปู่ผีตาก็ไม่เชื่อทั้งนั้น จนกระทั่งเกิดเรื่องขึ้นเมื่อถึงคราวต้องตัดต้นไม้ใหญ่ริมทาง เพราะต้องขยายถนนให้กว้างกว่าเดิม
เกิดเรื่องขนหัวลุกตอนนั้นเองครับ!
พวกลูกจ้างไม่มีใครกล้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย แหม...ตั้งแต่ลืมตาดูโลกก็เห็นปู่ย่าตายายกราบไหว้นับถือกันมานาน มีทั้งศาลเล็กๆ กับผ้าเหลืองผ้าแดงพันรอบโคนต้นกับตามกิ่งใหญ่ๆ บรรยากาศแถวนั้นก็เยือกเย็นน่าวังเวงใจบอกไม่ถูก
เรื่องสำคัญก็คือชาวบ้านทุกคนเชื่อกันว่ามีเจ้าแม่ตะเคียนสิงสู่อยู่มาหลายสิบปีแล้วอาจจะถึงร้อยกว่าปีด้วยซ้ำ ใครจะกล้าไปลบหลู่ขนาดตัดต้นตะเคียนทิ้งล่ะครับ จริงมั้ย?
ที่หนักกว่านั้นก็คือมีคนเคยเห็นงูเห่าดำมะเมื่อมคู่ผัวเมียอาศัยอยู่ในโพรงตะเคียน บางคนก็ว่าเป็นงูจงอางด้วยซ้ำ...เชื่อกันว่าเป็นงูเจ้าแม่! งูศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีใครกล้าแตะต้องเด็ดขาด
นายช่างสมัยโมโหก็โมโห แต่ไม่รู้จะทำยังไง? เลยให้ลูกน้องไปหาคนที่จังหวัดกับอำเภอยางตลาดมาได้อีก 5-6 คนดูเหมือนจะให้ค่าจ้างสองเท่า...มีหน้าที่สำคัญคือตัดต้นตะเคียนให้ได้ แล้วจะจ้างทำงานต่อไปจนกว่าการทำถนนลาดยางจะสำเร็จเรียบร้อย
วันแรกก็เจอดีเลยครับ!
เจ้าสอนจากยางตลาดรูปร่างปราดเปรียวล่ำสัน ปีนป่ายขึ้นไปดูลาดเลาก่อน คนอื่นๆ แหงนหน้ามองเป็นตาเดียวกัน จู่ๆ ท้องฟ้าที่มีแสงแดดอร่ามก็จางหายเมื่อมีเมฆก้อนใหญ่เข้ามาบดบัง ทำให้เกิดความมืดครึ้ม ยอดตะเคียนไหวซ่าน่าใจหาย ทั้งๆ ที่ไม่มีลมพายุเลยแม้แต่น้อยนิด...ต่างคนต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ฉับพลันนั้น! ร่างเจ้าสอนก็ลอยละลิ่วลงมาพร้อมกับเสียงร้องโหยหวน ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคน
เมื่อปราดเข้าไปดูก็พบว่าเจ้าคนเคราะห์ร้ายลืมตาโพลงค้าง เลือดไหลจากปากจมูกน่าสยอง...กิ่งใบของตะเคียนเจ้าแม่สะบัดเกรียวกราวเหมือนเสียงใครกลุ่มใหญ่กำลังหัวเราะครืนด้วยความสาสมใจอย่างเหลือประมาณ!
วันนั้นเป็นอันว่าต้องเลิกทำงานกลางคัน นายช่างสมัยบอกว่าวันรุ่งขึ้นไม่ต้องขึ้นต้นไม้กันอีกแล้ว แต่ใช้เลื่อยสองมือจัดการได้เลย...ตกกลางคืนก็ไปฟังสวดศพเจ้าสอนที่ตั้งไว้ที่เพิงข้างเรือน ท่ามกลางเสียงซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์ถึงตะเคียนเจ้าแม่ ในบรรยากาศเยือกชวนให้วังเวงใจ หวาดระแวงไปหมดทุกอย่าง
เจ้าโฮมเพื่อนรักของเจ้าสอนกรุ่นเหล้าหนัก ประกาศก้องว่าพรุ่งนี้จะเป็นคนชักเลื่อยเอง...ให้มันรู้ไปทีว่าผีจะเก่งกว่าคน
ครั้นถึงวันรุ่งขึ้น...ไม่ทราบว่าเป็นชะตากรรมหรือความบังเอิญกันแน่ พวกเราเห็นงูเห่าสองตัวเลื้อยปราดๆ จากโคนตะเคียนหายไปในป่าละเมาะรกทึบ เจ้าโฮมปราดเข้าไปสำรวจแล้วตะโกนก้องว่า...เจอไข่งูเยอะแยะ ลาภปากแล้ววันนี้ ได้แก้แค้นแทนไอ้สอนด้วย!
คนใจกล้าก็ช่วยกันเอาไข่งูออกมาจากโพรงราว 6-7 ฟอง
เลื่อยชักที่เพิ่งทำงานไปครู่เดียวก็เกิดหักสะบั้นอย่างไม่น่าเชื่อ เล่นเอานายช่างสมัยโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง พาลูกน้องบึ่งรถเข้าจังหวัดเพื่อซื้อเลื่อยมาสำรองไว้หลายๆ อัน ทางนี้ก็จัดการเอาไข่งูมาทำเป็นกับแกล้มเหล้า...คนใจไม่ถึงหลายคนรวมทั้งผมก็ไม่กล้าแตะต้องด้วย
รถนายสมัยไปยางแตกกลางทางขาไป ส่วนขากลับก็แตกอีกเส้น คราวนี้เสียหลักพลิกเค้เก้อยู่ข้างทาง แม้จะไม่ถึงบาดเจ็บสาหัสแต่ถลอกปอกเปิกได้เลือดมากน้อยไปตามๆ กัน
รุ่งเช้าเจ้าโฮมนอนตายตัวแข็งทื่ออยู่ที่บ้าน มีรอยเขี้ยวงูที่คอหอยชัดเจน คนอื่นๆ ที่ร่วมวงเหล้าก็ท้องร่วงขนาดหนัก ต้องหามส่งสุขศาลากันด่วนจี๋...ในที่สุดก็เลิกยุ่งเกี่ยวกับตะเคียนต้นนั้น ไม่ทราบว่าจะยังอยู่ตามเดิมหรือเปล่าเพราะเวลาผ่านมาหลายสิบปีแล้วครับ!