มีความเชื่อตั้งแต่สมัยก่อนมาแล้วว่า ผีที่ดุร้ายน่าสยดสยอง เฮี้ยนสุดขีดนั้นไม่มีอะไรเท่ากับผีตายโหง รองลงมาคือผีคลอดลูกตาย บางรายก็ตายทั้งแม่ทั้งลูก เรียกว่า 'ตายทั้งกลม'
แต่คนที่บ้านอยู่ใกล้ๆ ทางรถไฟมักจะเชื่ออย่างฝังหัวว่า ไม่มีผีตายโหงชนิดไหนจะเฮี้ยนสุดขีดเท่ากับผีที่โดนรถไฟทับตาย!
สาเหตุที่เชื่อถือแบบนี้ก็ดูเข้าเค้า ศพที่โดนรถไฟทับตายน่ะแสนจะน่าสยดสยองสุดๆ ไหนจะเนื้อตัวขาดกระจาย แขนขากระเด็นไปคนละทิศละทาง ยิ่งพวกที่อุตริไปนอนหนุนรางรถไฟต่างหมอน พอล้อเหล็กหมุนครึกโครมเสียงสนั่น...หั่นคอขาดปลิวหวือยิ่งกว่าโดนดาบตัดหัวด้วยซ้ำ
ลองนึกภาพดูเถอะครับว่าจะสยองสุดขีดปานใด?
สมัยเด็กผมอยู่ริมคลองบางหว้า ธนบุรีนี่เอง ใกล้ๆ กับสายคลองสาน-แม่กลอง มีประสบการณ์เรื่องคนโดนรถไฟชนตาย-ทับตายมาหลายครั้งหลายครา
คือมีทั้งคนชะตาขาด เดินใจลอยนำหน้ารถไฟ...ตูมเข้าให้ถึงกับลอยละลิ่วเหมือนเหาะได้ ซากศพกลายเป็นผ้าขี้ริ้วชุ่มเลือดสดๆ พวกคนแก่กับผู้หญิงที่มาดูถึงกับเรอเอิ๊กอ๊าก ลมใส่ไปเลย
ผู้คนต่างสงสัยกันว่า รถไฟที่วิ่งมาข้างหลังน่ะเสียงดังคึ่กๆ ครึกโครมจนรางสะเทือนทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงเลยล่ะ? ว่าแต่จะคิดฆ่าตัวตายหรือเปล่า? แต่ไม่มีสาเหตุใดๆ ที่จะทำให้เชื่อถือว่าผู้ตายมีเจตนาจะจบชีวิตตัวเองอย่างน่าสยองปานนั้น
ฟันธงได้เลยว่า...ผีมันจะเอาไปอยู่ด้วยน่ะซี!!
ผีที่ว่าคือพวกที่โดนรถไฟทับตายมาก่อนหน้านั้นไงครับ
คราวนี้ก็เกิดการทุ่มเถียงกันยกใหญ่ ว่าผีจะเอาไปอยู่ด้วย หรือว่าจะฆ่าเพื่อให้วิญญาณตัวเองได้ไปผุดไปเกิดเสียที อย่างที่เรียกว่า 'ตัวตายตัวแทน' นั่นปะไร
คนที่เชื่อว่าผีจะเอาไปอยู่ด้วยก็หัวเราะเยาะ บอกว่าถ้าอย่างนั้นก็ย่อมมีผีตัวเดียวน่ะซี! เพราะใครตายปุ๊บ ผีตัวเก่าได้ไปเกิดปั๊บ! แต่ทำไมมีคนเห็นผีเป็นโขยงอยู่บนทางรถไฟตอนดึกๆ อยู่ล่ะ?
ชาวบ้านเชื่อกันว่าทางรถไฟที่นั่นมีอาถรรพณ์ คือจะต้องมีคนโดนรถไฟชนตาย ทับตายปีละ 3-4 คนตลอดมา อย่างน้อยก็ปีละ 1 คนที่ต้องเอาชีวิตไปทิ้ง...ทับถมบนทางรถไฟ ทั้งตายเพราะอุบัติเหตุ และเจตนาฆ่าตัวตาย
ล่าสุดคือผีผู้หญิงชื่อน้ากิ่ง ช้ำใจเพราะผัวมีเมียน้อยเลยคิดสั้นไปนอนขวางรางให้รถไฟทับหัวขาดไปเลย! ร่ำลือกันว่าผีน้ากิ่งเฮี้ยนสุดๆ สมัยนี้ต้องบอกว่า 'โคตรจะเฮี้ยน' ก็แล้วกัน!
คนมีธุระปะปังต้องออกมาซื้อของที่ร้านริมคลองตอนเย็นๆ เคยเห็นผู้หญิงนั่งซบหน้ากับเข่าอยู่ริมทางรถไฟ แว่วเสียงร้องไห้กระซิกๆ บางทีก็สะอึกสะอื้นคละเคล้ามากับสายลมวู่หวิว...พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็เงยหน้า หันมามองเชื่องช้า...
น้ากิ่งนั่นเอง!!
ไม่ต้องสงสัยว่าจะขนหัวลุกตั้ง สติแตกแค่ไหน เผ่นกระเจิงชนิดไม่รู้เหนือรู้ใต้ พลางร้องตะโกนโหวกโหวยไปด้วย...ผีหลอก! ผีหลอกโว้ย...
หนักหนาสาหัสยิ่งกว่านั้นก็คือ คนที่ยืนยันว่าไม่กลัวผีสางอีนางโกงใดๆ ทั้งสิ้น ถึงขนาดเดินกลับบ้านตอนกลางคืน สาเหตุก็เพราะความมึนเมาน่ะแหละ...ฤทธิ์สุราพาไป! ว่าซะยังงั้นก็แล้วกันครับ
รายนี้ชื่อลุงหลบ นักเลงเก่าชาวสวนผู้ประกาศศักดาว่า เกิดมาข้าไม่เคยหลบหลีกผู้ใดหน้าไหน ไม่ว่าคนหรือผี...ใครแน่จริงก็ขอให้เรียงหน้าเข้ามาเลย!
คืนนั้น ลุงหลบเดินดุ่ยๆ ไปตามไม้หมอนรถไฟ จนกระทั่งถึงบริเวณเกิดเหตุสยอง...น้ากิ่งมาจบชีวิตที่นั่น
เสียงหมาเจ้ากรรมหอนโจ๋วมาจากที่ไหนก็ไม่ทราบ แต่ลุงหลบจะพรั่นพรึงก็หาไม่ เดินอาดๆ มีเซเล็กน้อยไปจนเห็นร่างตะคุ่มๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งเดินสวนทางมาช้าๆ เอ๊ะ! ในแสงดาวส่องกระจ่างเต็มฟ้านั่นดูคุ้นๆ ตายังไงชอบกล
ใกล้เข้ามา...ใกล้เข้ามาทุกที!
สายลมจากยอดไม้พัดกรูเกรียวขึ้นมาบนทางรถไฟที่ค่อนข้างสูง ลุงหลบหยุดชะงักมองดูผู้หญิงคนนั้นยกมือขึ้นเสยผมเชื่องช้า...แต่กลายเป็นขยุ้มผมตัวเองจนหัวหลุดออกมาเห็นๆ
ปีศาจน้ากิ่งหิ้วหัวของตัวเองไว้ ผีหัวขาดยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าลุงหลบห่างไม่ถึงสองวา เล่นเอาชายชราผู้ไม่กลัวผีร้องจ้า ทรุดฮวบลงนั่งพับเพียบบนไม้หมอนรถไฟ น้ำตาไหลพราก ยกมือสั่นระริกขึ้นพนมไหว้ ร่ำร้องขออภัยวิญญาณน้ากิ่งจนร่างสยองค่อยๆ จางหายไป
เรื่องนี้ลุงหลบสารภาพเองในร้านเหล้า ประกาศว่าค่ำๆ มืดๆ แค่ไหนก็ไม่กลัว ถ้าไม่ต้องเดินตัดสวนกลับบ้าน...แต่นั่งเรือจ้างกลับน่ะซีครับ เพราะไม่อยากขวัญหนีดีฝ่อตายโดยไม่จำเป็น!