ใครจะไม่เชื่อเรื่องผีก็ช่างเถอะค่ะ เรื่องแบบนี้ถือว่าต่างจิตต่างใจ ดิฉันเองก็เคยคิดว่าตัวเองเป็นเด็กรุ่นใหม่ เรื่องผีๆ สางๆ ไร้สาระเต็มที! แต่เดี๋ยวนี้เหมือนหนังคนละม้วนแล้วค่ะ ดิฉันเชื่อว่าผีมีจริง เพราะได้เจอะเจอกับตัวเองเต็มรัก...ไม่ช็อกตายก็ถือว่าเป็นบุญเหลือหลายแล้ว
สาเหตุสำคัญที่โดนผีหลอกก็เพราะมีอาชีพสาวพริตตี้น่ะซีคะ!
ถูกแล้วค่ะ สาวสวยทั้งรูปร่างหน้าตา แต่งตัวเซ็กซี่ที่คุณเห็นโชว์โฉมอยู่ในงานแสดงรถยนต์หรูหรา ราคาคันละไม่กี่แสนจนถึงหลักล้านและ 20-30 ล้าน ปรากฏอีกทีในทีวีและหนังสือพิมพ์กับนิตยสาร เพิ่มเติมสีสันให้ชีวิต...โดยเฉพาะเป็นจุดสนใจของคุณผู้ชายทุกคน
มีลีลาของนักแสดงที่โชว์ใบหน้าและเรือนร่างนัวเนียอยู่กับรถ ทั้งทำท่าเปิดประตูบ้าง อิงเอนอยู่ข้างรถบ้าง แต่ไฮไลต์มักจะอยู่ตรงการแนบกายกับบังโกลน ยิ้มหวานไม่แพ้พวกประกวดนางงามทั้งหลายแหล่
เนินอกอวบๆ กับท่อนขาขาวๆ เป็นโฟกัสสำหรับสายตาทุกคู่ก็ว่าได้!
ทั้งเชิญชวน อ้อล้อและท้าทายสายตาของคุณป๋าคุณเสี่ยให้เข้ามาจ้องมองแบบใกล้ชิดไงล่ะคะ! เพราะเหตุนี้เองที่ทำให้พวกเราถูกกล่าวหาว่า "มีเสี่ยเลี้ยง"
สวยแต่ไม่มีสมอง! เห็นแก่เงินมากกว่าศักดิ์ศรีลูกผู้หญิง! เห็นถือกระเป๋าแบรนด์เนม รองเท้าหรูๆ อินเทรนด์แทบทั้งเนื้อทั้งตัวก็ถูกกล่าวหาว่ามีเสี่ยเลี้ยง มีป๋าดูแลแน่ๆ เลย
อาจจะมีจริงแต่ก็น้อยค่ะ!
อย่าลืมว่าพวกเราแทบทุกคนเรียนระดับปริญญานะคะ บางคนกำลังทำโทอยู่ด้วยซ้ำ รายได้ก็ตกวันละพันถึงห้าพันบาท...สำหรับพริตตี้ยอดสวย มีความสามารถสูง คนจ้างเขาตาถึง ดูออกว่าใครเก่ง เสน่ห์แรงแค่ไหน...เราเลี้ยงตัวเองได้สบายอยู่แล้ว ไม่ต้องมีเสี่ยเลี้ยงก็ได้ (ย่ะ)
อ้อ! โปรดทราบว่าพริตตี้ไม่ใช่งานเบาๆ แต่หนักหนาสาหัสเหลือเชื่อ
ขนาดเช่าห้องอยู่แถวลาดพร้าวนี่เอง ดิฉันยังต้องตื่นตั้งแต่ตีห้า จัดการทำธุระส่วนตัวล่กๆ แล้วแล่นลงไปนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างขาประจำ บึ่งออกจากซอยไปยังจุดที่มีผู้คนพออุ่นใจเพื่อรอแท็กซี่...โชคดีที่ไม่ได้อยู่แถวลาดพร้าวด้านลึกๆ เข้าไปที่ติดอันดับต้นๆ ของซอยอันตรายในกรุงเทพฯ
"พี่วิน" คนขับแมงกะไซค์คุ้นเคยกันมาหลายเดือนแล้ว ตกลงว่าจะมารับทุกเช้ามืด หน้าตาคมสัน หุ่นบึกบึนสมชาย แต่สุภาพเรียบร้อย นัยน์ตาที่มองมาก็ดูใสๆ ซื่อๆ ดี ไม่มีอะไรน่าระแวง แต่นั่นแหละค่ะ ดิฉันถือคติว่า...รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ! เพื่อความปลอดภัยของเราเอง
ในกระเป๋าติดสเปรย์พริกไทยเอาไว้ เผื่อฉุกเฉินอะไรขึ้นมาไงคะ!
เมื่อถึงจุดนัดหมายก็ต้องทำหน้าทำผม ไม่ใช่เยินเหมือนเพิ่งตื่นนอนหรอกค่ะ มีการอบรมแนะนำสำหรับวันนั้นๆ ว่าจะพูดอะไร? แนวไหน? เป้าหมายคือพรีเซ็นต์ให้ลูกค้าฟังแล้วน่าเชื่อถือมากที่สุด...ก่อนจะเยื้องกรายในชุดเซ็กซี่ออกไปยิ้มหวานกับผู้คน เฮ้อ...ตั้งแต่สายยันเย็นน่ะ คิดดูเถอะว่าจะอ่อนล้าแค่ไหน?
จนกระทั่งวันเกิดเหตุ!
เช้ามืดวันนั้นไม่อยากจะลุกเลย ทั้งปวดเมื่อยและตะครั่นตะครอยังไงบอกไม่ถูก อาจจะเพราะอากาศเปลี่ยนกะทันหันก็ได้...แต่การงานต้องมาก่อน ยกเว้นแต่จะลุกไม่ไหวจริงๆ
ลงไปถึงหน้าหอพักช้าไปราว 15 นาทีได้ พี่วินก็น่ารักที่ไม่บ่นซักคำ...บางครั้งก็นึกสงสัยความหมายในแววตาของแกเหมือนกัน แต่คงคิดได้ว่าเพ้อเจ้อไปเองเปล่าๆ นึกแล้วก็น่าสงสารเหมือนกันค่ะ
"ไหนๆ บุ๋มก็ช้าแล้ว พี่จะไปส่งถึงที่เลยนะ...บอกมาเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้บุ๋มเป็นอะไรแน่ ตอนนี้ถนนโล่งๆ อยู่ด้วย"
พี่วินบอกตอนที่ออกรถเลี้ยวขวาเพื่อจะออกถนนใหญ่ อารามรีบร้อนไม่อยากโดนตำหนิหรือคิดว่าหาปมเด่นเลยบอกไปว่า...ตกลงค่ะ!
ไม่รู้ว่าคิดถูกหรือเปล่า เพราะพี่วินซิ่งรถเหมือนจะเหาะไปซะงั้น ดิฉันต้องกอดเอวแกไว้แน่น ซบหน้าหลังไหล่กำยำ...ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็ต้องอาศัยร่างพี่วินนี่แหละเป็นเกราะกันภัยไว้ก่อน
ไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย...ดิฉันยัดแบงก์ห้าร้อยใส่มือแกพร้อมกับขอบคุณเสียงหวาน แล้ววิ่งตื๋อโดยไม่หันไปมองอีกเลย
ดิฉันต้องหยุดงานไปสามวัน จนทำใจได้ว่าซื้อรถใช้เองดีกว่า...สาเหตุก็เพราะมารู้ข่าวค่ำนั้นเอง ว่าพี่วินไปเกิดอุบัติเหตุที่ถนนรัชดาฯ...คอหักตายคาที่ตั้งแต่คืนวาน แต่วิญญาณอุตส่าห์มารับดิฉันตามสัญญาน่ะซีคะ! บรื๋อออ...