เขาว่าคนที่โดนผีหลอกมักจะเคราะห์ร้าย หรือไม่ก็เป็นลางบอกเหตุว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับตัวเอง ยิ่งใครโดนผีหลอกวิญญาณหลอนมากกว่าหนึ่งครั้ง ถือว่าซวยสุดๆ หรือซวยบรรลัย!
คิดอีกที ถ้าคนเรารู้จักอยู่แต่ในบ้านในช่อง ทั้งนักเรียนนักศึกษาและคนทำงานทำการทั่วไป ตอนเช้าก็ออกจากบ้าน เย็นลงก็กลับ ไม่เที่ยวเตร่เสเพลหรือทะแล่ดๆ ไปไหนตามใจตัวเองกับเพื่อนฝูง ประเภทพวกมากลากไป พอโดนผีหลอกเข้าก็เป็นอันว่าหัวหวิดโกร๋นกันทั้งโขยงน่ะ...ท่านว่ามีโอกาสโดนผีหลอกน้อยเต็มที!
คิดๆ แล้วก็เห็นด้วยแฮะ เพราะนิสัยชอบเที่ยวเตร่ตามประสาชายโสด ทำให้ผมกับไอ้โก้เพื่อนเกลอโดนปีศาจโฮปเวลล์หลอกหลอนเอาเจียนตาย ทั้งๆ ที่ใกล้จะถึงบ้านในชุมชนภักดี ก.ม.11 อย่างที่เคยเล่าสู่กันฟังเมื่อเร็วๆ นี้แหละครับ
สาเหตุเพราะไปเที่ยว "รังอีแร้ง" หรือบาร์ผีที่เราถือว่าเป็นพัฒน์พงษ์คนยาก มาเจอดีเอาตอนขากลับนี่เอง!
ขวัญหนีดีฝ่อกันได้ไม่กี่วันก็ลืมหมดแล้ว แถมพูดคุยเออเองกันว่าเราคงซดเหล้ามากไปจนเกิดหูตาลายมองเห็นอะไรเป็นรูปเป็นร่าง เป็นผีเป็นสางไปหมดสิ้น
คืนนั้นผมไปรับไอ้โก้ที่สวนผักแล้วบึ่งแมงกะไซคู่ชีพไปเที่ยบผับแถวจตุจักรตรงข้ามอ.ต.ก. แหล่งบันเทิงของวัยรุ่นกับขาโจ๋ไปจนถึงเสี่ยหนุ่ม ท่ามกลางเสียงเพลงกระหึ่มเขย่าแก้วหูอยู่ในแสงไฟวูบวาบ ยิ่งได้น้ำสีอำพันเข้าไปหลายๆ แก้วด้วยแล้ว แหม! จิตใจมันคึกคักเป็นม้าโด๊ปยาอย่าบอกใคร
อ้อ! ก่อนออกจากหมู่บ้านน่ะ ผมยกมือไหว้ศาลปู่แก้วย่าพิมพาที่ปากซอย อันเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้านมาตั้งนมนานกาเลแล้วครับ
...ขอข้ามเรื่องความสนุกสนานในผับมาสู่เรื่องขนหัวลุกตอนขากลับราวสองยามเลยก็แล้วกัน!
กำลังมึนๆ ได้การตอนที่เลี้ยวซ้ายขวับไปทางสวนจตุจักร เราสวมหมวกนิรภัยเรียบร้อยทั้งคู่ ไม่อยากเสี่ยงกับเรื่องเป็นเรื่องตายโดยใช่เหตุ แม้ว่าตอนดึกรถราจะน้อยก็ตามที
ผมบึ่งรถไปตามโลคัลโรด หรือนิยมเรียกกันว่า "ถนนเลียบทางรถไฟ" จนมองเห็นโฮปเวลล์ยืนทะมึนเรียงราย มองเผินๆ เหมือนอสุรกายเทอะทะใหญ่โตกำลังโผล่ขึ้นมายืนจังก้า คอยหลอกหลอนมวลมนุษย์ให้ขวัญหนีดีฝ่อไปตามๆ กัน
ผมอดเงยหน้ามองไม่ได้ แต่ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ ไอ้โก้ที่กอดเอวอยู่ก็คงจะทำแบบเดียวกัน...จนกระทั่งชะลอรถเลี้ยวซ้ายข้ามทางรถไฟ แล้วเลี้ยวขวาจะตรงดิ่งไปยังชุมชนสวนผักเพื่อส่งเพื่อนรักให้เรียบร้อย ท่ามกลางบรรยากาศยามดึกเยือกเย็นน่าวังเวงใจ...ไม่เห็นใครแถวนั้นเลยแม้แต่คนเดียว
...บางสิ่งบางอย่างสะดุดตาอยู่ทางขวามือพอดี!
ฝั่งตรงข้ามทางรถไฟที่มีรถเข็นขายบะหมี่เกี๊ยวตอนกลางวัน ตอนนี้มีผ้าพลาสติกคลุมเงียบเชียบ แต่แสงสว่างเหลืองรัวใกล้ๆ กันนั้นมาจากไหนกันล่ะ?
ตอนกลางวันเห็นเปลญวนอยู่ติดเพิงรกร้าง มีกระดานผุๆ อยู่ 3-4 แผ่น ถัดไปก็ยังมีเปลญวนเก่าๆ อยู่ใกล้ศาลพระภูมิ ติดๆ กับยกพื้นริมทางรถไฟสำหรับให้ผู้โดยสารขึ้นลงสถานีย่อยแห่งนี้...
อารามหวาดระแวงทำให้ผมชะลอรถ พลางเหลียวไปจ้องมองให้แน่ใจว่ามีอะไรอยู่ที่นั่นกันแน่?
คุณพระช่วย! เปลญวนข้างศาลพระภูมิแกว่งไปมาเป็นจังหวะ...ใครจะบ้ามานอนเล่นดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้?
นรกเป็นพยาน! ร่างดำทะมึนเหมือนตอตะโกลุกพรวดพราดขึ้นมานั่ง ท่าทางคล้ายๆ หุ่นกระบอก แต่นัยน์ตาแดงจ้าเหมือนถ่านไฟลุกโชนจ้องมองมาเขม็ง
"ผีหลอก! ผีหลอกโว้ย..."
ผมแผดเสียงอยู่ในหมวกนิรภัย ไอ้โก้ก็คงร้องแบบเดียวกันแต่หูผมอื้อไปหมดแล้ว รู้สึกแต่อ้อมแขนมันรัดสะเอวผมแน่น สั่นสะท้านจนรถแทบจะล้มคว่ำ...
ผมเร่งเครื่องไม่คิดชีวิตเพราะความหวาดกลัวสุดขีดจนลืมตาย ท่ามกลางเสียงหัวเราะครืนใหญ่ดังไล่หลังมาติดๆ
คืนนั้นต้องค้างบ้านไอ้โก้อีกแล้ว...รุ่งขึ้นจับไข้หวิดหัวโกร๋นทั้งคู่เลยครับ! บรื๋อออ....