ริมฝั่งคลองไม่ไกลจากแม่น้ำเจ้าพระยา ต้นไม้ใหญ่น้อยร่มรื่นเพราะด้านหลังเป็นสวน รกทึบที่ไปทะลุออกทางวัดประดู่ฯ ส่วนด้านหน้ามีเรือแพสัญจรไปมา มักจะเป็นเรือขายอาหาร เช่น ก๋วยเตี๋ยว กระเพาะปลา หอยทอด รวมทั้งขนมหวานพวกปลากริมไข่เต่าและขนมถาดต่างๆ
หน้าแล้งน้ำแทบจะแห้งขอดขนาดลงไปสุ่มปลาและช้อนปลาได้สบาย
ส่วนหน้าน้ำเป็นตอนที่สนุกมากๆ เพราะน้ำเหนือจะไหลบ่าขึ้นมาถึงศาลาท่าน้ำ บางปีถึงกับท่วมใต้ถุนเรือนเลยค่ะ
กอผักตบชวาที่เราเรียกว่า กอสวะมักลอยฟ่องขึ้นลงไม่ขาดสาย มีงูเงี้ยวเขี้ยวขอเกาะมาด้วยเกือบทุกกอ ตอนเย็นๆ พวกทหารฝั่งโน้นลงไปดำน้ำงมกุ้งตัวโตๆ ติดมือขึ้นมาอย่างง่ายดาย
เหตุการณ์น่าขนหัวลุกเกิดขึ้นตอนหน้าน้ำนั่นเอง!
ดิฉันมีเพื่อนสาวรุ่นเดียวกัน 2-3 คน ท่าน้ำไม่ไกลกันนัก ตอนเย็นๆ เราก็เดินไปหากันบ้าง แล้วหลบผู้ใหญ่กระโดดน้ำเล่น แต่ส่วนมากมักจะลงท่าใครท่ามัน แล้วว่ายน้ำไปหากัน...เล่นไล่จับบ้าง หมาเน่าลอยน้ำบ้าง
บางวันสนุกมากจนส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างลืมตัว ไม่ช้าก็มีผู้ใหญ่ตะโกนให้ขึ้นจากน้ำ
เพื่อนที่อยู่ใกล้กันมากชื่อเดือน แม่ชื่อดาว เป็นม่ายสามีตายเพราะพิษสุราเมื่อหลายปีก่อน ...ป้าดาวค่อนข้างเข้มงวดกับลูกสาว แต่เดือนก็มักหาโอกาสหลบแม่มาเล่นกับดิฉันที่บ้านเสมอๆ โดยเฉพาะพนักท่าน้ำใต้ซุ้มเฟื่องฟ้าจะเป็นที่โปรดของเรามากที่สุด
วันหนึ่งก็มีเรื่องตื่นเต้นน่ากลัวเกิดขึ้นค่ะ!
นั่นคือมีเสียงโจษจันกันว่าพบศพผู้หญิงลอยมากับกอสวะจากสะพานสูงบางซื่อ ชาวบ้านแห่มาดูจนถึงวัดแก้วฟ้าฯ ที่ปากคลอง จึงนำศพขึ้นมาได้
ตอนแรกๆ พวกเราก็นึกสยองเหมือนกัน แต่เวลาผ่านไปไม่กี่วันก็ลืม
จนกระทั่งเย็นหนึ่งดิฉันก็ประสบกับเรื่องขนหัวลุกเข้าอย่างจัง!
วันนั้นพวกเราเล่นน้ำกันค่อนข้างนาน ตั้งแต่เย็นจนถึงใกล้ค่ำ...มีคราบดำๆ ติดอยู่ที่ติ่งหู ต่างคนต่างมองแล้วก็หัวเราะให้กัน เดือนบอกว่าเล่นน้ำจนชักหนาวแล้ว กลัวแม่โผล่มาด่าอีกด้วย เลยว่ายน้ำจากท่าดิฉันเลาะฝั่งกลับไปยังท่าน้ำบ้านของเธอ
อย่าว่าแต่เดือนเลยค่ะ ดิฉันเองก็รู้สึกหนาวยะเยือกเช่นกัน เลยขึ้นบันไดมาฟอกสบู่ตามหน้าตาและเนื้อตัว ก่อนจะลงไปทำความสะอาดเป็นครั้งสุดท้าย...
เพียงแต่ก้าวพ้นน้ำขึ้นมาถึงสะเอวก็ต้องชะงักงัน!
อะไรบางอย่างจับขาข้างหนึ่งเอาไว้แน่น! ดิฉันตัวแข็งทื่อเหมือนถูกสาป ตกตะลึงจนลืมหายใจ ทำอะไรไม่ถูก ทั้งตกใจ ขยะแขยงและหวาดกลัวสุดขีด แทบจะร้องไห้โฮออกมาเลย
คุณพระช่วย! สิ่งนั้นคล้ายกับมือเย็นเฉียบที่กำข้อเท้าเอาไว้ และฉุดเต็มแรงราวกับจะดึงออกไปสู่กลางคลอง พร้อมๆ กับกระชากจนเท้าหลุดจากขั้นบันได เสียหลักจมพรวดลงไปใต้น้ำ...อารามตกใจทำให้ใช้เท้าที่เป็นอิสระถีบน้ำหรืออะไรที่ฉุดขาอยู่...ทะลึ่งพรวดขึ้นมาเหนือน้ำจนได้
"ช่วยด้วย! ช่วยด้วย..."
เสียงมีเท่าไหร่ตะเบ็งออกมาหมด แม้ว่าจะสำลักน้ำสลับไปจนเสียงขาดเป็นห้วงๆ
ทั้งดิ้นรนและตะเกียกตะกาย สองมือยึดขั้นบันไดเป็นที่พึ่ง สองเท้าก็ทั้งสะบัดทั้งถีบ น้ำตาไหลพรากอาบหน้า หัวใจเต้นโครมครามเหมือนจะพังทลายออกมานอกอก
พ่อแม่วิ่งเข้ามาเรียกชื่อ ดิฉันก็ได้แต่ร้องว่าช่วยด้วยๆ พลางต่อสู้ดิ้นรนกับมือนรกจกเปรตจนหลุดออกไป...ตะกายขั้นบันไดโดยไม่แยแสกับผ้าผ่อนหลุดลุ่ย ร้องไห้โฮโผเข้ากอดแม่ด้วยความหวาดกลัวแทบจะสิ้นใจ!
เดือนรู้ข่าวก็วิ่งเข้ามาหาหน้าตาตื่น คราวนี้ก็เล่ากันปากต่อปากเหมือนไฟลามทุ่ง
ชาวบ้านหาว่าดิฉันปั้นเรื่องขึ้นมาเองบ้าง หรือไม่ก็โดนเชือกโดนสาหร่ายบ้าง...ส่วนหนึ่งสันนิษฐานว่าเป็นงูที่ติดมากับกอสวะเลื้อยพันขา แต่อารามตกใจก็คิดไปเองว่าเป็นมือผี...
ดิฉันขวัญหนีจนเป็นไข้อยู่หลายวัน! ครั้นค่อยทุเลาก็ได้ข่าวร้าย...เดือนจมน้ำตายโดยไม่มีใครรู้สาเหตุ ช่วยกันงมหาอยู่นานจนพบศพขัดอยู่ที่บันไดขั้นล่างสุดนั่นเอง...ไม่ต้องสงสัยหรอกค่ะว่าปีศาจใต้น้ำมันมาล่าวิญญาณเธอไปอยู่ด้วยจนได้
ตั้งแต่นั้นมาดิฉันก็เลิกลงไปเล่นน้ำหรือแม้แต่อาบน้ำคลอง...ตักมาใส่โอ่งอาบบนบกน่ะ ปลอดภัยกว่าเยอะ เลยค่ะ!