ปืนผีสิง


ปืนผีสิง

แม่น้ำตาปีทอดตัวคดเคี้ยวยาวไกลสุดเขตแดนใต้ ท่ามกลางป่าดงและขุนเขาน้อยใหญ่

เป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชีวิตชาวพื้นเมืองแถบนี้มานาน นอกจากนี้ยังเป็นที่ฝังเรื่องราว ทั้งที่ร้ายจากอดีตกระทั่งปัจจุบันไว้หลากหลาย

เรือกอและลำเล็กถูกวาดบังคับท้ายมาอย่างเงียบเชียบ ชายวัยสี่สิบเศษอยู่ในชุดทะมัดทะแมง มือกระชับด้ามพายพุ้ยน้ำช้า ๆ ข้างกราบเรือ สายตาเพ่งไปยังผืนน้ำเบื้องหน้าเหมือนค้นหาอะไรสักอย่าง นาน ๆ บุหรี่คาบอยู่จะถูกดูดแดงวาบขึ้นสักครั้ง ครู่ใหญ่เรือหยุดลงข้างดงกกริมคุ้งน้ำแห่งหนึ่ง



ยามดึกเลียบฝั่งแม่น้ำแห่งนี้เยือกเย็นจนวังเวง แสงสลัวหม่นจากเดือนเสี้ยวข้างแรมส่องต้องผิวน้ำ

ทำให้เกิดเงาวูบวาวคล้ายภูติน้ำโผล่ขึ้นมาทักทาย แต่ชายที่นั่งอยู่บนเรือไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด เขายังนั่งเงียบ ๆ เพียงเคลื่อนไหวสายตาไปมาในความมืดเท่านั้น

บังเลาะอยู่ไหน ? เขาพูดขึ้นหลังจากนิ่งอยู่เป็นนาน และทุกอย่างที่สนองกลับมาคือความเงียบดุจเดิม

บังเลาะ ฉันมาตามนัดแล้ว เขาพูดอีก สักครู่เสียงสวบสาบดังขึ้นทางเบื้องหลังต้นตะเคียนใหญ่ริมฝั่ง พร้อมเงาตะคุ่ม ๆ ปรากฎออกมา

สวัสดี สหายจันทร์ เงาตะคุ่มยืดตัวขึ้นและพูด

เราดีใจที่สหายตรงเวลา บังเลาะพูดไทยไม่ชัด สำเนียงแปร่งไปทางภาษายาวีมากกว่า

ฉันไม่ผิดนัดใคร คนบนเรือตอบห้วนดุจเดียวกัน

เรียบร้อยใช่ไหม เสียงบังเลาะพูด

ทุกอย่างเลย คนบนเรือตอบ



สองชายยามวิกาลคุยกันเบา ๆ ครู่หนึ่ง ในที่สุดตกลงกันได้ด้วยดี ทั้งสองแลกเปลี่ยนสิ่งของกันท่ามกลางความมืด

และสงบเงียบริมฝั่งแม่น้ำตาปีจนเสร็จเรียบร้อย ผู้ที่ถูกเรียกว่าสหายจันทร์เตรียมจะออกเรือกลับ พลันนั้น เสียงปืนก็แผดสนั่นขึ้นทางเบื้องหลัง กระสุนหลายนัดพุ่งออกมาด้วยระบบอัตโนมัติจากปืนชั้นดี เจาะร่างสหายจันทร์อย่างแม่นยำ

ร่างที่นั่งหันหลังให้สะดุ้งเฮือก แต่ด้วยสัญชาตญาณการต่อสู้ที่คร่ำหวอดกับความตายมาโชกโชน ทำให้เขาเอี้ยวตัวกลับ ปืนพกที่เตรียมพร้อมในมืออย่างไม่ประมาท ถูกกวาดเข้าหาสหายผู้กลายเป็นศัตรูในชั่วพริบตา แล้วลั่นไกรัวไม่นับ



ความเจ็บปวดจากพิษกระสุนฝ่ายตรงข้าม ทำให้สหายจันทร์ไม่อาจบังคับปืนให้ตรงเป้าได้ดังใจ

ดังนั้นการสาดกระสุนออกไป จึงเป็นเพียงการยิงเพื่อศักดิ์ศรีในวาระสุดท้ายของชีวิตเท่านั้น เมื่อเหนี่ยวไกหมดลูกโม่ ร่างที่ทนฝืนประคองอยู่ส่ายโงนเงน เลือดสด ๆ ทะลักออกมาจากบาดแผล แล้วค่อย ๆ ฟุบลงแน่นิ่ง

บังเลาะก้าวออกจากที่กำบังบนฝั่ง ใช้ไม้เกี่ยวหัวเรือ ดึงเรือกลับเข้าฝั่ง จากนั้นชายในชุดโสร่งปาเต๊ะรีบหยิบเอาของเพิ่งแลกเปลี่ยนไปกลับมา แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาจนเขาจ้องไม่กระพริบ วัตถุดำมะเมื่อมคาอยู่ในมือสหายจันทร์ แม้อยู่ในความสลัวของจันทร์เสี้ยว บังเลาะก็เห็นรูปร่างมันถนัดตา



มันเป็นปืนพกขนาดใหญ่ที่เขาจะไม่มีวันปล่อยให้จมหายไปกับศพ บังเลาะเอื้อมไปหยิบ

แต่ปืนถูกเจ้าของที่หาชีวิตไม่แล้วกำไว้แน่น เขาต้องออกแรงบิดและกระชากครั้งแล้วครั้งเล่า จนข้อแขนล้า ขณะที่เรือกำลังจะจม เพราะรูรั่วจากถูกกระสุนเจาะ ในที่สุดปืนพกก็หลุดติดมือบังเลาะมาได้ พร้อมกับเรือจมลง พาร่างไร้วิญญาณของสหายจันทร์สู่เบื้องล่างอย่างเงียบเชียบ

บังเลาะยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา จะเป็นอะไรไปล่ะ เมื่อตอนนี้ของทั้งหมดตกเป็นของเขาแล้ว และเขาหันกลับนำของเหล่านั้นจากไปทันที

โอ้โฮ ปืนอาก้าใหม่เอี่ยมทั้งนั้นเลย ไอ้สหายจันทร์มันไปได้มายังไงนะ หนึ่งในนั้นพูดขึ้นขณะตรวจสิ่งของที่ได้มา

มันบอกเป็นชุดสุดท้ายที่ได้จากทหารเขมรแดง บังเลาะบอก

แต่ข้ามีของที่แจ๋วกว่าให้พวกแกดู เขาดึงของออกจากซอกเอว




ทุกคนมองหน้ากัน ไม่เข้าใจว่าจะมีอะไรดีกว่าอาก้าเกือบสิบกระบอกที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้า

มันก็แค่ปืนสั้นลูกโม่ธรรมดาที่มีขนาดใหญ่มากเป็นพิเศษเท่านั้น ที่พานท้ายแกะสลักสวยงามด้วยวัสดุสีขาวคล้ายงาช้าง

นึกแล้วเชียวพวกเอ็งตาไม่ถึง บังเลาะพูดพลางชี้มือไปยังปืนอาก้าที่วางเรียงอยู่

อย่างเอ็งต้องใช้ของพวกนั้น

เอ... บัง ดูยังไงถึงบอกว่าปืนพกกระบอกนี้พิเศษนัก

พวกเอ็งไม่สังเกตหรือว่า ด้ามของมันทำจากงาช้าง แล้วสลักอักขณะภาษาเขมร บังเลาะอธิบายอย่างผู้แตกฉานด้านนี้

มันก็ไม่เกี่ยวกับมุสลิมอย่างเราไม่ใช่รึ

ใช่ เราไม่เชื่อสิ่งเหล่านี้ แต่ลองสังเกตดี ๆ จะมีภาษายาวีเล็ก ๆ สลักไว้ทั้งสี่มุมด้วยนะ

เขียนว่าไง คนนั่งใกล้ถามขึ้นอย่างสงสัย

เขียนว่า พบที่ไหนให้ทำลายเสีย นั่นแหละที่ข้าอยากเก็บมันไว้ บังเลาะพูดติดตลกก่อนเก็บมันเข้าที่



บังเลาะไปร่วมกับขบวนการป่าอยู่หลายเดือนจึงกลับมาเยี่ยมบ้านทีหนึ่ง ทุกครั้งปืนพกกระบอกนั้นไม่เคยห่างตัว

และเมื่อกลับเข้าบ้านเขาก็จะเก็บไว้บนหิ้งอย่างมิดชิด วันหนึ่งขณะที่บังเลาะนอนพักผ่อนอยู่ใต้ถุนบ้าน ปล่อยเมียกับลูกชายวัย ๑๐ ขวบอยู่บนบ้าน สักครู่นางเมียส่งเสียงโวยวายลง

มาอย่างตื่นกลัว

ว๊าย.... ช่วยด้วยพี่เลาะ มันจะฆ่าฉัน นางเมียเผ่นลงมาจากบ้าน

บังเลาะสะดุ้งโหยง ละล่ำละลักถามเมีย แกเป็นอะไรไป....

จริงนะ ฉันเห็นใครไม่รู้ออกมาจากห้องนอน แล้วจ้องปืนมาที่ฉันอย่างจะฆ่าให้ตายทีเดียว นางอธิบายเร็วปรื๋อ


ตาลายไปหรือเปล่า บังเลาะพึมพำคิ้วขมวดอย่างคิดหนักก่อนผลุนผลันขึ้นบ้าน เขาเดินดูจนทั่วแล้วด่าเมีย

แกนี่ไม่ได้เรื่อง ไม่มีอะไรสักหน่อย แหกปากตื่นเต้นไปได้ เมียบังเลาะงุนงง นางทำท่าอึกอักไม่กล้าพูดอะไรกับผัวอีก

ก็เราเห็นจริง ๆ นี่นา จะตาฝาดไปได้ยังไงกัน นางคิดไม่ตก หากจะให้เชื่อเรื่องผีสางนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะศาสนาไม่เคยสอนเรื่องตายแล้วไปไหน มีแต่บอกว่า ความตายเป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่เท่านั้น และบอกว่าผีไม่มีในโลก ไม่เชื่อถือเสียแล้ว ความหวาดระแวงต่าง ๆ จึงไม่มีตามไปด้วย



อากาศยามดึกเย็นยะเยือก ทั่วบริเวณแวดล้อมไปด้วยต้นยางพารายืนแผ่กิ่งก้านทึบทะมึนสงบนิ่ง

สายลมสงบอย่างน่าประหลาด น้ำค้างหยดเปาะแปะตามใบยาง นาน ๆ เสียงบ่างจะร้องแกร็ก ๆ จากต้นยางที่อยู่ห่างออกไป

ลูกเมียหลับไปนานแล้ว แต่บังเลาะนอนไม่หลับ จึงออกมานอนดูดใบจากบนนอกชาน มองจันทร์เสี้ยวสลัวหม่นที่กำลังลับขอบฟ้า ปล่อยความคิดล่องลอยไป..

แก๊ก... ในความเงียบสงัด เสียงเบา ๆ นั่นกลับดังสนั่นจนบังเลาะหูผึ่ง ระมัดระวังตัวขึ้นทันที การทำงานอย่างเขาต้องเสี่ยงชีวิตอยู่ตลอดเวลา จะไว้วางใจสิ่งใด ๆ ไม่ได้เลย
ไอ้เลาะ เอาปืนข้าคืนมา เสียงจากคนที่ยืนตะคุ่มตรงลานบ้าน พูดขึ้นสำเนียงเยือกเย็น เอ่ย ช้า ๆ แต่หนักแน่น จริงจัง



บังเลาะหนาวยะเยือกตัวเกร็ง เขาแปลกใจที่ถูกเรียกชื่อ และทวงสิ่งที่ไม่เคยมีใครรู้ถึงที่มามาก่อน ไอ้เลาะ แกหักหลังข้า เอาปืนข้ามา.....



เสียงนั้นพูดอีกและหยุดความสับสนในใจบังเลาะ กลับเปลี่ยนเป็นความโกรธมาแทนที่ บังเลาะหันกลับเข้าห้อง หวังเอาปืนมายิงสั่งสอนไอ้คนสามหาวที่หน้าบ้านเสียให้หนำใจ

แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อมีสิ่งหนึ่งมาจ่อที่หน้าผาก มันเย็นวาบเข้าไปถึงกระดูกสันหลัง บังเลาะอ้าปากค้าง รู้สึกลัวตายเป็นครั้งแรกในชีวิต

อย่านะ นั่นแกจะทำอะไร ? นึกบ้าอะไรขึ้นมา ถึงเอาปืนมาจ่อหัวข้าแบบนี้ บังเลาะพูดกับเมียที่ถือปืนกระบอกเขื่องจ่อกลางแสกหน้าเขาอยู่ แล้วบังเลาะก็แทบช็อกเมื่อเสียงตอบออกมาจากปากเมียกลับเป็นเสียงของผู้ชาย และเสียงนั้นบังเลาะจำได้ดี แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยมานานแล้วก็ตาม

ไอ้เลาะ ได้เวลาของแกแล้ว....

สหายจันทร์ แก เป็นไปได้ยังไงกันนี่ บังเลาะอุทานตกใจหน้าซีดเผือด

แกไม่เชื่อใช่ไหมล่ะ ว่ามันเกิดขึ้นได้ เสียงแตกพร่าออกมาจากปากเมีย บังเลาะเหงื่อกาฬท่วมใบหน้าทั้งที่อากาศยามนี้เย็นยะเยือก

อย่า....สหายจันทร์ อย่าทำข้า.....ข้ากลัวแล้ว บังเลาะร้องขอชีวิตอย่างน่าเวทนา แต่ดูเหมือนว่าไร้ผล


เปรี้ยง



เสียงคำรามของปืนโบราณแผดสนั่น ก้องไปทั่วทุกอณูของคืนอันสงัด บังเลาะสะดุ้งสุดตัวผละหงายตามแรงส่งของกระสุน

ร่างของเขาล้มลงนอนหงายตาเหลือกค้าง เลือดสด ๆ เริ่มทะลักออกจากรอยเหวอะหวะทางท้ายทอย และไหลอาบออกมาทางรูเล็ก ๆ ตรงหน้าผาก ชักกระตุกสองสามครั้งแล้วแน่นิ่งไป บังเลาะไม่มีโอกาสได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยัน เย็นเยียบที่พ่นออกมาอย่างสาสมใจ เสียงนั้นค่อย ๆ ดังห่างออกไป ๆ จนเลือนหายไปในที่สุด

ผู้ที่ยืนตะลึงสั่นเทา จับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ขณะนี้ คือเมียของบังเลาะนั่นเอง นางมองร่างไร้ชีวิตของผัว แล้วมองปืนในมือตัวเอง แล้วรีบโยนทิ้งอย่างเกลียดกลัว...



แหล่งที่มา : หนังสือ อาถรรพณ์ขวัญผวา




เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์