หนองน้ำอาถรรพณ์


หนองน้ำอาถรรพณ์

เรื่องที่จะนำมาเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่ข้าพเจ้าได้ประสบพบเห็นมาด้วยตนเอง ได้เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2546 ที่ผ่านมา

ข้าพเจ้าได้พิจารณาแล้วว่าสมควรที่จะนำมาเล่าสู่ท่านผู้อ่านฟัง เพราะจะได้รู้ว่าในโลกนี้ยังมี สิ่งลี้ลับมหัศจรรย์ อยู่และเป็นเรื่องยากนักที่จะเกิดปรากฏการณ์เหล่านี้ขึ้นให้เห็นสักครั้งหนึ่ง จึงขอฝากท่านผู้รู้ผู้มีปัญญาพิจารณาดูด้วยตนเองเถิด เรื่องราวมีดังต่อไปนี้

เรื่องมีอยู่ว่า ชาญ เป็นลูกชายคนที่ 2 ของคุณลุงข้าพเจ้า เมื่อเติบโตขึ้นมาก็ได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้นมัธยมปีที่ 3 แต่ไม่ได้เรียนต่อ จึงไปเรียนขับรถกับญาติฝ่ายพ่อที่อยู่ในเมืองได้ 1 ปี ต่อมาก็ได้ไปหางานทำที่กรุงเทพฯ


โดยมีเพื่อนฝูงที่ไปทำงานก่อนช่วยติดต่อหางานให้ คือ ขับรถแท็กซี่รับจ้าง โดยเช่าจากเถ้าแก่เป็นรายวันและให้ค่าประกันพร้อมเสร็จ เขาขับรถแท็กซี่รับจ้างอยู่ได้ปีกว่า เถ้าแก่ก็ให้ไปขับรถที่บ้านส่งลูกๆ ไป-กลับโรงเรียน และส่งคนงานในบ้านไปทำงานเป็นประจำ คงจะเป็นเพราะเขาเป็นคนดี ซื่อสัตย์สุจริต ได้เงินเดือน 7,000 บาท ให้ที่พักอยู่ด้วย โดยไม่ได้เสียค่าห้อง ค่าน้ำ ค่าไฟ แต่ประการใด



ต่อมาชาญได้ไปรู้จักกับสาวสวยคนหนึ่ง มีอาชีพเป็นแม่ค้าขายอาหารอีสาน มีลาบ ต้ม ส้มตำ อยู่แถวนางเลิ้ง เป็นคนภาคอีสานเช่นเดียวกัน

บ้านอยู่จังหวัดร้อยเอ็ด ชาญได้ไปอุดหนุนร้านนี้เป็นประจำ ความคุ้นเคยสนิทสนม ทำให้เกิดความรักความเห็นใจกันขึ้น และได้ไปมาหาสู่กันเป็นเวลานานเกือบปี ทั้งสองก็ตกลงจะแต่งงานกัน ชาญเขาได้เก็บหอมรอมริบเงินทองไว้ได้พอสมควร จึงขอลาออกจากงานเพื่อกลับบ้านพร้อมด้วยสาวคนรัก

เมื่อไปถึงบ้านก็ได้เล่าความเป็นไปในความรักกับสาวคนนี้และตกลงจะแต่งงานกัน พ่อแม่เมื่อรู้ก็ไม่ได้ห้าม เพราะถึงเวลาสมควรที่จะแต่งงานแล้ว เงินทองก็เก็บหอมรอมริบมาได้ ถึงวันฤกษ์งามยามดีก็ไปสู่ขอ พร้อมค่าสินสอดทองหมั้น และกำหนดวันแต่งงานด้วย



เมื่อถึงกำหนดวันแต่งงานก็ได้จัดการเครื่องขันหมาก ข้าวของจำเป็นขึ้นรถสองแถว 1 คัน

พร้อมด้วยญาติพี่น้องร่วมไปด้วย 20 คน ออกเดินทางตั้งแต่ตี 4 ในวันนั้น เพื่อให้ทันเวลาการแต่งงาน ในวันนั้นข้าพเจ้าก็ไปร่วมงานด้วย

ไปถึงบ้านเจ้าสาวเวลาประมาณ 07.30 น. ซึ่งห่างจากตัวเมืองประมาณ 12 กิโลเมตร พวกเราได้รับการต้อนรับจากฝ่ายเจ้าสาวเป็นอย่างดี และเป็นกันเองทุกอย่าง


เมื่อถึงกำหนดเวลาแต่งงาน เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็เข้าพิธี นั่งเคียงคู่กันหน้าต้นบายศรี เพื่อทำพิธีสู่ขวัญตามประเพณีของชาวอีสานบ้านเฮา เมื่อเสร็จพิธีแล้วต่างก็ผูกข้อมือ ให้ศีลให้พรกัน ต่อจากนั้นก็มีการสัมมาคารวะเจ้าโคตร ญาติผู้ใหญ่ พ่อแม่แล้วก็เป็นอันเสร็จพิธี



จากนั้นก็มีการเลี้ยงข้าวปลาอาหาร เหล้า เบียร์ กัน โดยเฉพาะเจ้าภาพทางฝ่ายหญิงเลี้ยงฝ่ายชาย มีการพูดหยอกเย้าสนุกสนาน เฮฮา

กันอยู่ประมาณเกือบเที่ยงวัน ก็ได้พักผ่อน จนถึงเวลาบ่าย 2 ทางฝ่ายญาติเจ้าบ่าวก็อำลากลับบ้าน ก่อนจะกลับทางญาติฝ่ายเจ้าสาวก็ได้เตรียมอาหารการกินฝาก เพื่อจะได้ไปรับประทานระหว่างทางในเวลาหิว ได้เวลาก็พากันสั่งลา แล้วก็พากันไปขึ้นรถเดินทางกลับบ้าน รถได้มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมือง แล้วออกถนนใหญ่มุ่งหน้าสู่จังหวัดยโสธร

พอรถวิ่งผ่านทุ่งนา ป่าละเมาะไปประมาณ 30 กิโลเมตร พวกเราก็มองเห็น หนองน้ำแห่งหนึ่งและที่ริมฝั่งก็มีต้นหว้าใหญ่อยู่ต้นหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากถนนใหญ่ไปประมาณ 15 วา ข้าพเจ้าจึงบอกคนขับรถให้ชะลอ แล้วไปหยุดลงใต้ร่มหว้า เพื่อหยุดพักและรับประทานอาหาร เมื่อรถหยุดทุกคนพากันทยอยลงจากรถและพักอยู่ใต้ร่มหว้า เพื่อหยุดพักและรับประทานอาหาร ส่วนใหญ่ไม่ลงไปอาบน้ำ มีแต่ข้าพเจ้าและผู้หญิงแก่ๆ 3-4 คน ที่อาบน้ำในหนองนั้น เพราะอากาศร้อนเหลือเกิน



เมื่อพากันลงไปอาบน้ำ แทนที่จะอาบน้ำล้างตัวธรรมดาก็หาไม่ แต่พากันเล่นน้ำ เอามือกระทุ้งน้ำให้ดังเป็นเสียงกลอง

พร้อมร้องเพลง และหยอกเย้ากัน เสียงหัวเราะเฮฮากันกึกก้องไปหมดในบริเวณนั้น นอกจากนั้นแล้วก็พากันไปเด็ดเอาดอกบัวมาเล่นกัน

ห่างจากหนองน้ำไปทางทิศเหนือประมาณ 8 วา เป็นเนินดินที่ราบสูงประมาณ 1 ไร่ มีต้นโพธิ์ใหญ่อยู่ตรงกลาง ใต้ต้นโพธิ์มี ศาลเจ้าปู่ตา ตั้งอยู่ มีต้นตะเคียน ต้นตะแบก ต้นประดู่ ต้นเต็งรัง เรียงรายกันไปในบริเวณนั้น และมีกอไผ่ป่า 56 กอ เรียงกันล้อมรอบในเนินดินนั้น ทุกคนที่ลงไปเล่นน้ำในหนองหารู้ไม่ว่าหนองน้ำนี้เป็นที่หวงแหนของเจ้าปู่ตามาช้านานแล้ว ใครจะล่วงเกินไม่ได้



ในขณะที่พากันลงเล่นน้ำสนุกสนานเพลิดเพลินอยู่นั้น ได้เกิดสิ่งแปลกประหลาดขึ้น

คือ ได้มี งูใหญ่ตัวหนึ่งเท่าต้นมะพร้าว สีขาวสลับดำ โผล่หัวชูคอพ้นน้ำขึ้นราว 3 ศอก อ้าปากแลบลิ้น ตาทั้งสองเท่าไข่เป็ด และมีสีแดงเหมือนไฟ ทุกคนเมื่อมองเห็นต่างตกตะลึง ร้องกรี๊ด!! พากันตะเกียกตะกายหนีขึ้นฝั่งอย่างไม่คิดชีวิต ผู้หญิงบางคนเมื่อถึงฝั่งก็สลบ ต้องช่วยกันพยาบาลอยู่นานจึงฟื้น เมื่อทุกคนขึ้นฝั่ง งูใหญ่ตัวนั้นก็มุดดำลงน้ำหายไป

ข้าพเจ้าเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เมื่อขึ้นจากหนองน้ำกันหมดแล้ว นึกว่าจะรับประทานอาหาร ทุกคนกลับบอกว่าไม่ต้อง รีบกลับบ้านดีกว่าเพราะมีเหตุการณ์ไม่ดีเกิดขึ้น



ต่อจากนั้นก็พากันทยอยขึ้นรถเตรียมตัวจะเดินทางกลับบ้าน แต่พอคนขับรถไปสตาร์ทรถกลับไม่ติด

สตาร์ทเท่าไหร่ก็ไม่ติด ได้ตรวจดูน้ำมันเครื่องยนต์ สายไฟ ตรวจดูทุกสิ่งทุกอย่าง ก็เป็นปกติดี ทุกคนเศร้าใจไปตาม ๆ กัน จึงพากันลงจากรถ นั่งจับกลุ่มคอยรอเวลารถจะติด

<> ในขณะนั้นมีชายคนหนึ่งเดินผ่านมาใกล้ๆ สะพายข้องเอาแหพาดบ่า เข้าใจว่าคงไปทอดแหหาปลากลับมา ได้เห็นพวกเรานั่งจับกลุ่มกัน และเห็นคนขับรถกำลังสตาร์ทรถอยู่แต่ไม่ติด จึงถามว่า พวกท่านมาจากไหน และจะไปไหน

ข้าพเจ้าบอกว่า มาจากจังหวัดร้อยเอ็ด ไปงานแต่งหลานชาย เสร็จแล้วจะพากันกลับจังหวัดยโสธร และได้มาแวะพักผ่อนอาบน้ำที่หนองนี้แล้ว จะพากันกลับบ้าน แต่สตาร์ทรถไม่ติด ไม่รู้เป็นอะไร ได้ตรวจดูรถก็ปกติดีครับ



ชายคนนั้นได้กล่าวต่อไปอีกว่า ที่พากันลงอาบน้ำ ได้ขออนุญาตเจ้าปู่ตาก่อนหรือเปล่า พร้อมกับชี้มือไปที่ต้นโพธิ์ใหญ่ ได้พากันส่งเสียงดังหรือเปล่าครับ


พวกผมผิดไปมากแล้ว เพราะไม่รู้ว่าเจ้าปู่เจ้าตาจะหวงห้าม กรุณาช่วยพวกผมด้วยครับ ชายคนนั้นได้บอกว่า ให้คนไปหาดอกไม้มา ถ้ามีธูปเทียนด้วยยิ่งดี ท่านเจ้าปู่ตาใจดีอยู่ดอก ผมรู้ดีเพราะที่นาผมก็ติดอยู่กับหนองน้ำแห่งนี้

จากนั้นก็ได้ให้คนรีบไปหาธูปเทียน ดอกไม้ บังเอิญมีเหลืออยู่ในรถ พอหามาได้ แล้วชายคนนั้นก็พาพวกเราทั้งหมดไปที่ศาลเจ้าปู่ตาใต้ร่มโพธิ์ใหญ่ เมื่อไปถึงก็ได้พร้อมกันกราบแล้วชายคนนั้นก็จุดธูปเทียนวางดอกไม้ในจาน และได้กล่าวคำขอขมาลาโทษแทนพวกเราว่า เจ้าปู่ตาเอ๋ย พวกญาติพี่น้องมาจากร้อยเอ็ดไปงานแต่ง จะเดินทางกลับยโสธรได้พากันมาพักที่ร่มไม้อาบน้ำในหนอง เพราะไม่รู้ว่าเจ้าปู่ตาหวงแหน ได้กระทำผิดไปแล้ว โปรดจงยกโทษให้อภัย อโหสิกรรมให้พวกญาติพี่น้องทางไกลด้วยเถอะ



เวลาก็เกือบจะโพล้เพล้แล้ว ทันใดนั้นเทียนที่จุดไว้ก็ดับวูบลงทันที แสดงว่าเจ้าปู่ตาได้ให้อภัยเราแล้ว จึงพากันกลับบ้านโดยไม่ต้องพะวักพะวนต่อไป

ทุกคนพากันดีใจไปตามๆ กัน ต่างยกมือประนมกล่าวขอบคุณเจ้าปู่ตาและขออำลา เมื่อพากันไปหารถ คนขับขึ้นไปสตาร์ทครั้งเดียวก็ติด อย่างน่าแปลกประหลาดใจ ทุกคนต่างดีใจกล่าวขอบคุณและอำลาชายใจดีคนนั้น แล้วพากันขึ้นรถออกเดินทางมุ่งหน้าสู่จังหวัดยโสธร

ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันว่า น่าอัศจรรย์ งูใหญ่ตัวนั้นคงจะเป็นเจ้าปู่ตาจำแลงมาบอกเรา และทำให้เราสตาร์ทไม่ติด แต่เมื่อขอขมาลาโทษแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปในทางที่ดี สิ่งแปลกประหลาดมหัศจรรย์มีจริงในโลกนี้



มีอยู่ 4-5 คนที่ร่วมมาในรถบอกว่า ไม่เคยเชื่อ ไม่เคยเห็นสิ่งลี้ลับอย่างนี้ บัดนี้เชื่อแล้ว แม่นอีหลีเนาะ

และขอยอมเชื่อว่าจริงแล้ว เพราะได้รู้เหตุการณ์และเห็นด้วยตา

ค่ำมากแล้วตะวันกำลังจะลับฟ้า ฝูงนกกากำลังพากันบินทยอยจะพากันกลับคืนคอนพวกเราได้พากัน กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพทุกประการ




แหล่งที่มา : จากหนังสือ โลกลี้ลับ


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์