เสียงหัวเราะปริศนา
เมื่อสมัยเด็กๆ ประมาณ ป.3 ได้ พ่อแม่ฉันมักจะกลับบ้านดึก ฉันหรือฟ้า น้องสาวคนเล็กของบ้าน
จึงต้องอยู่กับพี่หนุ่ย พี่ชายคนโต และพี่ฝ้าย พี่สาวคนรองเป็นประจำอีกคืนหนึ่งที่พวกเรา 3 พี่น้องต้องรอพ่อแม่กลับบ้าน แต่วันนั้นพ่อมีงานที่ต้องสะสาง ทำให้กลับดึกกว่าปกติ พวกพี่ๆของฉันก็เริ่มหิวกันแล้ว แต่คงจะเป็นเพราะฉันทานข้าวเย็นเยอะกว่าพวกพี่ๆ หรือไม่ก็การที่ฉันนั่งเล่นเกมส์เพลย์จนลืมความหิวก็ได้ ทำให้ฉันเป็นคนเดียวที่ยังไม่หิว
นั่งคุยกันไปเล่นกันไปสักพักนึง พี่ฝ้ายของฉันก็ออกปากว่าหิวเต็มที รอพ่อกับแม่ไม่ไหวแล้ว
พี่หนุ่ยก็เห็นด้วย ทั้งสองคนจึงตกลงกันว่าจะออกไปทานก๋วยเตี๋ยวที่ตลาดกัน และให้ฉันเฝ้าบ้าน ฉันลังเลเพราะไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวทั้งที่ใกล้เวลาเที่ยงคืนแล้ว นอกจากนี้บ้านเช่าที่อยู่ติดกับบ้านฉันมักจะมีเสียงแปลกๆตอนกลางคืนเสมอๆ แต่ในที่สุดฉันก็ตอบตกลงไปฉันนั่งอยู่ในห้องพี่หนุ่ย พร้อมเล่นเกมโปรดซึ่งเป็นเกมเพลย์ไปด้วย หน้าต่างห้องพี่ชายฉันคงจะติดกับบันไดที่เชื่อมกับระเบียงด้านนอกของบ้านเช่า ถ้าหากไม่มีกำแพงบ้านเราที่ห่างจากหน้าต่างไม่ถึงครึ่งเมตรด้วยซ้ำ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย
ฉันเริ่มกังวลว่าเมื่อไหร่พี่ทั้งสองของฉันจะกลับมา ตอนนี้มีฉันอยู่คนเดียว บ้านเงียบมากและมืดด้วย ฉันรู้สึกว่าบ้านมืดเกินไป
จึงหยุดเกมและลุกไปเปิดไฟที่ห้องครัว หลังบ้าน ห้องนั่งเล่น หน้าบ้าน และปิดประตูห้องนอนให้เรียบร้อย ฉันไม่อยากเดินผ่านห้องที่เปิดอยู่ แล้วมองเห็นอะไรแวบๆในความมืดหรอก มันอาจทำให้ฉันวิ่งออกจากบ้านไปที่ตลาดทั้งๆที่ยังไม่ได้ใส่รองเท้าก็ได้ฉันกลับเข้ามาในห้องพี่หนุ่ย แล้วเริ่มเล่นเกมส์เหมือนเดิม ถึงบ้านจะสว่างแล้ว แต่ฉันก็ยังว่ามันเงียบมากเกินไปอยู่ดี ฉันเริ่มทำลายความเงียบด้วยการสบถเสียงดังเมื่อฉันเล่นเกมส์พลาด และร้องตะโกนดีใจอย่างฝืนๆเมื่อเล่นได้ดี จนกระทั่งความเงียบหายไปหมดเพราะฉันเริ่มร้องเพลงมั่วๆเสียงดังด้วยเสียงเพี้ยนๆ แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อรู้สึกว่าได้ยินเสียงอะไรเบาๆ เหมือนเสียงคนพูด
ฉันพยายามเงี่ยหูฟัง ขณะนี้แม้ว่าบ้านจะสว่างจ้าขนาดไหนก็ไม่อาจช่วยให้ฉันอุ่นใจขึ้นได้เลย
เพราะแค่หันหลังไปทางหน้าต่างห้องก็จะเห็นความมืดของบ้านเช่า ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่เปิดไฟฉันพยายามไม่สนใจ และปลอบใจตัวเองด้วยการคิดว่าหูฝาดไป ฉันเริ่มให้ความสนใจกับเกมส์อีกครั้ง แต่ในใจก็ยังกลัวอยู่ดี ระหว่างที่ฉันร้องเพลงเบาๆเพื่อทำลายความเงียบ เสียงนั่นก็ดังขึ้นอีกครั้ง
"หึ หึ หึ หึ..."
คราวนี้ฉันได้ยินชัดเจน เสียงหัวเราะอันน่าสยดสยองนั่น ถึงแม้ว่ามันจะเบา แต่ก็รู้ว่าเป็นเสียงผู้ชาย เสียงนั่นเงียบลงไปเมื่อเห็นว่าฉันเงียบก่อน ฉันหันหลังไปมองต้นเสียง
ดูเหมือนว่าเสียงมันจะมาจากบ้านเช่าที่เงียบและมืดหลังนั้น ฉันพยายามนึกว่าเป็นเสียงของคนที่บ้านเช่านั้น เขาอาจจะกำลังคุยกับใครอยู่ และหัวเราะกันก็ได้ เพียงแต่เสียงมันลอยมาทางบ้านเราเท่านั้นเอง ทุกอย่างโอเค ฉันพยายามบอกตัวเองในขณะหันหลังกลับไปทางเกมต่อ
"หึ หึ หึ หึ หึ"
เสียงหัวเราะชัดเจนขึ้นอีกครั้ง และมันก็ดังขึ้น! ราวกับว่ามันอยู่ฝั่งตรงข้ามกำแพง ฉันหยุดเกมและหันไปทันทีที่ได้ยิน
สิ่งต่างๆในหัวลอยสับสนไปมา ฉันกลัวผี แต่ฉลาดพอที่จะคิดว่ามีคนมาแกล้งก็ได้ ใช่แล้ว! พี่หนุ่ยต้องมาแกล้งฉันแน่!"...พะ ..พี่หนุ่ยใช่มั้ย!"
"........"
เสียงนั่นเงียบไป เมื่อฉันพูด
"อย่าแกล้งกันสิ!"
"......ฮ่ะ ฮ่ะ... ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!"
เสียงนั่นระเบิดเสียงหัวเราะราวกับว่าสิ่งที่ฉันเพิ่งจะพูดไปนั้นมันน่าหัวเราะเสียเ
ต็มประดา ฉันเริ่มขนลุก ทำไมเสียงนั่นมันถึงดังขึ้นเรื่อยๆราวกับมันเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แต่คนหัวดื้ออย่างฉันก็ยังดันทุรังมันต่อไป
"พี่หนุ่ย พี่เลิกแกล้งได้แล้ว!"
แน่นอนว่ามันเงียบอีกครั้ง แล้วก็ตามมาด้วยเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นกว่าเดิม แถมคราวนี้มันดังก้องอยู่ในห้องนั้น ตัวฉันสั่น แต่ก็พยายามบังคับตัวเองให้สงบ ทำให้ตัวเองเชื่อว่านั่นคือพี่หนุ่ย และหันกลับไปเล่นเกมต่อ ฉันพูดด้วยเสียงที่ราบเรียบที่สุด เพื่อที่จะทำให้รู้ว่าฉันไม่กลัว
"พอได้แล้ว หนูไม่กลัวหรอกน่า"
น่าแปลกที่คราวนี้เสียงนั้นเงียบไป มันเงียบนานซะจนฉันกลัวว่าถ้าหากมันไม่ใช่พี่หนุ่ยมันอาจจะออกมายืนจังก้าอยู่ข้างหน
้าฉันก็ได้ แต่ฉันก็ยังคงนั่งนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไร และเสียงที่ตามมานั้นทำให้ฉันอุ่นใจ เสียงรถมอเตอร์ไซค์ของพี่หนุ่ยค่อยๆดังขึ้นจนมาจอดที่หน้าบ้าน ฉันไม่รีรอ รีบวิ่งออกไปหน้าบ้าน แล้วตะโกนถาม
"พี่หนุ่ย! พี่มาแกล้งหนูทำไม!"
พี่หนุ่ยกับพี่ฝ้ายเปิดรั้วเข้ามาแล้วทำหน้าฉงนสุดๆ จนฉันต้องเดินออกไปถาม
"หา? อะไร"
"เมื่อกี้น่ะ พี่มาแกล้งหนูใช่ไหม"
"เปล่า ก็เพิ่งจะกลับมานี่ไง"
"อ้าว ก็เมื่อกี้..."
ฉันพูดแล้วชะงัก เมื่อกี้ไม่ใช่พี่หนุ่ย งั้นใครกันล่ะ? ฉันคิดกับตัวเอง แล้วหันไปทางบ้านเช่า ฉันมองสำรวจไปในความมืด คนที่บ้านเช่ารึเปล่านะ? แต่ดูท่าทางจะไม่ใช่ซะแล้ว ฉันคิดผิด ตอนนี้ที่บ้านเช่ายังไม่มีใครมาเช่าเลย และคู่ผัวเมียที่อยู่ชั้นล่างก็ยังไม่กลับมาด้วย พวกเขากลับบ้านดึกทุกวัน
ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำฉัน เมื่อคิดว่าสิ่งที่ฉันเผชิญหน้าเมื่อสักครู่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรตะโกนใส่เลยสักนิด
ถึงจะยังเด็กแต่ฉันก็รู้ดีว่าเมื่อมีใครมาทักเมื่อตอนดึกๆ เราก็ไม่ควรทักกลับไป แต่ดูเหมือนฉันจะทำสิ่งร้ายแรงไปซะแล้ว ฉันยิ่งกลัวจนตัวสั่นมากขึ้นจนพี่หนุ่ยสังเกตุเห็นแล้วฉันก็เริ่มเล่าเรื่องเมื่อครู่ให้พี่ฟัง พี่บอกว่าฉันควรจุดธูปขอโทษ ฉันจึงจุดธูปดอกเดียวเพื่อกล่าวขอโทษที่พูดสิ่งไม่สมควรไป ขอให้อย่ามารบกวนกันอีกเลย
จนกระทั่งตอนนี้ ฉันก็ยังอาศัยอยู่ที่นั่น ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่หลังจากนั้น 2-3 ปี คู่ผัวเมียที่อยู่ชั้นล่างก็ย้ายออกไป และเสียงแปลกๆยามค่ำคืนก็ไม่เคยดังขึ้นอีกเลย ฉันเดาเอาเองว่าคู่ผัวเมียคู่นั้นอาจนำอะไรเข้ามาก็ได้ พวกเขาเป็นคนแปลกๆ และไม่ค่อยสุงสิงกับใคร และใครก็ตามที่มีเรื่องกับพวกเขามักจะโชคร้ายแปลกๆ อย่างเช่นมีอะไรหล่นใส่หลังคา หรือคนในบ้านเสียชีวิต
แหล่งที่มา : เว็บบอร์ด
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!