ไม่สบายจนเจอดี
จนมีรุ่นพี่คนนึงที่พักอยู่ชั้นเดียวกัน ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากห้องของพวกเรา รุ่นพี่คนนี้จึงเดินเข้ามาพร้อมกับสร้อยพระในมือ เมื่อถึงตัวของเพื่อนเรา รุ่นพี่จึงรีบสวมสร้อยพระให้เพื่อนเรา จากตอนแรกที่ตัวสั่น และร้องไห้ไม่หยุด ตอนนี้นางก็เริ่มจะสงบลงบ้างแล้ว เราทุกคนจึงพาเพื่อนลงไปข้างล่างหอ เพื่อพูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิด รุ่นพี่ที่สวมพระให้ก็เริ่มถามก่อน ‘เราเจอใช่ไหม?' ตอนนั้นพวกเราก็มองหน้ากันไปมา เพื่อนของเราที่ไม่สบายนางก็เริ่มเล่าว่า ตอนที่ทุกคนลงไปจากหอแล้ว นางก็นอนพักผ่อนตามปกติ แต่พอใกล้ๆ จะเคลิ้ม นางก็เริ่มรู้สึกว่าเหมือนกับมีคนมาเดินอยู่รอบๆ เตียง ตอนนั้นคิดว่าคงจะเป็นเพื่อนคนอื่นที่ไม่ลงไปประชุมล่ะมั้ง ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร
สักพักนางก็นอนพลิกตัวไปทางซ้ายมือ หันหน้าเข้ากำแพง และนางก็รู้สึกว่ามีคนเดินมาหยุดอยู่ข้างหลัง ที่รู้เพราะฟังจากเสียงเท้าที่เดินลากมากับพื้น และมาหยุดยืน แต่ก็ไม่ได้สนใจที่จะหันไปมอง แล้วคนๆ นั้นก็พูดขึ้นมาแบบลากๆ ยานๆ ว่า ‘ขอออ..นอนนน..ด้วยยย..คนนน..นะ..' เพื่อนเราด้วยความที่สะลึมสะลืออยู่ จึงตอบไปว่า ‘อืมมม..' โดยที่ยังไม่หันไปมองเหมือนเดิม แล้วนางก็รู้สึกเหมือนเตียงยวบแรงมาก ไม่เหมือนคนที่ล้มตัวลงมานอน แต่เหมือนคนกระโดดทับลงมานอนข้างๆ นาง! นางก็รู้สึกว่าทำไมรุนแรงจัง?
แล้วคนคนนั้นก็เริ่มเบียดตัวเองเข้ามาใกล้ขึ้นๆ ใกล้จนจะติดกำแพง จนนางรู้สึกหงุดหงิดจึงหันไปจะตวาด แต่พอนางหันไป ภาพที่เห็นทำให้นางแทบช็อคจนเสียสติ!! คนคนนั้นนอนอยู่ในลักษณะเหมือนศพถูกมัดตราสังยังไงยังงั้นเลย แต่ที่ช็อคกว่า คือเขาเริ่มหันหลังให้ แต่หันหัวมาหานางเต็มๆ คือนอนหันหลังให้แต่หัวหมุนมาหาแบบเต็มหน้า ลักษณะใบหน้าคือขาวโพลน เบ้าตาลึกกลวง มีสำลีอุดจมูก และมีเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอ ‘หึ หึหึ..' เพื่อนบอกวินาทีนั้นสติหลุด จะกรี๊ดก็กรี๊ดไม่ออก ได้แต่ท่องพ่อแก้วแม่เเก้ว ยิ่งสวดมนต์ในใจ เสียงหัวเราะของเขาก็ยิ่งดังขึ้นๆ จนนางหลุดพ้นจากตรงนั้นก็ตอนที่พวกเราขึ้นมาบนหอ นางบอกนางไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองชัก เพราะวินาทีนั้นใจมันสั่นระรัวไปหมด ในขณะที่นางเล่าไปตัวนางก็สั่นไป เสียงก็สั่นตลอดเวลา.. คืนนั้นสรุปทุกคนก็แทบจะไม่ได้นอนกันเลย เพราะต้องอยู่เป็นเพื่อนนาง พออาทิตย์ต่อมาก็เป็นช่วงปิดเทอมพอดี นางฝืนอยู่จนจบเทอมแล้วก็ขอลาออกทันทีค่ะ..