คืนเปลี่ยวใจ


คืนเปลี่ยวใจ

"เพิ่มพล" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากสี่แยกพรานนก


ผมเป็นคนบางกอกน้อยครับ อยู่มาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้นจนเป็นหนุ่มใหญ่วัยเลย 40 ปีเข้านี่แล้ว เรื่องผีบอกตรงๆ ว่าผมเฉยมาก ไม่ค่อยสะทกสะท้านหวั่นไหวเท่าไหร่หรอกครับ มีปัญหาหลอกได้หลอกไป เราไม่กลัวซะอย่างจะทำไม?

คนเรานี่แหละน่ากลัวที่สุดๆ เห็นหน้าใสๆ ตาซื่อๆ ไม่รู้ข้างในเป็นยังไง? จะพกมีดไว้ข้างหลังหรือเปล่าก็ไม่รู้ เผลอนิดเดียวเพื่อนจ้วงเอามิดด้ามซะแล้ว

อย่างที่เขาว่า "รู้หน้าไม่รู้ใจ" นั่นไงครับ!



ไหน..เรื่องผีที่ว่าผมเฉยๆ กลัวนิดหน่อยไม่ถึงขี้ขึ้นขมองน่ะหรือคุณ?


อาจจะเป็นเพราะผมอยู่ในย่านที่สมัยก่อนค่อนข้างเปลี่ยว วัดวาอารามเยอะแยะ ไม่ว่าวัดอมรินทร์ วัดฉิมฯ วัดวิเศษฯ วัดระฆังฯ ยันวัดอรุณฯ นับไม่หวาดไม่ไหว

เผาผีหรือฝังผีในวัดนี่ครับ ยิ่งวัดเยอะก็ยิ่งมีผีแยะ เขาว่าเปรตก็มี วันดีคืนดีโผล่ขึ้นมาเดินโย่งเย่ง ส่งเสียงกรี๊ดๆ บาดแก้วหูอย่าบอกใครเชียว



ไหนจะโรงพยาบาลศิริราชอีกล่ะ!


นี่ก็คล้ายๆ กับวัดตรงที่มีคนเจ็บ คนตาย หนักหนากว่าซะด้วยซ้ำเพราะคนใกล้ตายน่ะ เขาว่าทนทุกร์ทรมานสุดๆ ร้องโอดโอยโหยหวนน่าสมเพชเวทนา แต่ก็ชวนให้น่าขนลุกขนพองเอาการ

ตัวตายไปแล้วแต่วิญญาณยังอยู่ สิงอยู่คอยหลอกหลอนผู้คน จนกว่าจะได้ไปผุดไปเกิดซะที!

อ้าว? มีคนล้มตายทุกวัน

จะมากน้อยเท่าไหร่ก็ไม่รู้ละ คงจะเป็นสิบเป็นร้อยละมั้ง? รวมแล้วคงหลายหมื่นหลายแสน! ความจริงผมก็ไม่อยากรู้หรอก เคยเห็นพนักงานเขาห่อผ้าใส่เปลเข็นมาตามทางเดิน ระหว่างตึกนั้นตึกนี้ ตอนที่ผมเข้าไปเยี่ยมญาติมิตรน่ะ..คงเอาไปเก็บไว้ในห้องดับจิตรอญาติมารับไปบำเพ็ญกุศลก็เป็นได้

วิญญาณคนตายนี่จะสิงสู่อยู่ที่ตัวสิ้นลม หรือจะตามต้อยๆ ไปถึงในวัดในวาก็ไม่รู้นะครับ เผลอๆ อาจจะมีทั้งสองแบบก็ได้ เพราะเขาเชื่อถือ หรือลือกันว่าผีดุทั้งโรงพยาบาลทั้งวัดนี่นา จริงมั้ย?


ในชีวิตไม่เคยเจอผีในวัด แต่โรงพยาบาลนี่เล่นเอาขนหัวลุกหลายครั้ง


ความจริงน่ะไม่ค่อยอยากสนใจหรอกครับ เพราะผมต้องนั่งเรือข้ามฟากจากท่าพระจันทร์มาขึ้นท่าพรานนกทุกคืนนี่นา..ทำใจว่าต่างคนต่างอยู่ละกัน เป็นวิธีดีที่สุด

ตอนกลางวันผู้คนคึกๆ รถราขวักไขว่ พ่อค้าแม่ขายเยอะแยะ ทั้งรถเข็นและแผงลอย ขนาดรถแล่นเข้ามาแล้วกลับไม่ได้ ต้องเลี้ยวซ้ายไปเข้าโรงพยาบาล หาทางออกทางด้านสถานีรถไฟโน่นเลย


แหม! ตกกลางคืนยิ่งดึกยิ่งเปลี่ยว


บรรยากาศวังเวงใจชอบกลละคุณ..ผมขึ้นเรือแล้วเดินตามบาทวิถีด้านซ้าย เสียงเอะอะจอแจเงียบหาย แต่ก็เดินจนชินแล้วละน่า

พอจะผ่านประตูเข้าตึกใหญ่ด้านข้างอดหันไปมองไม่ได้สักที!

ตรงนั้นมีห้องอุปกรณ์รถเข็น ตรงข้ามกับห้องซ่อมบำรุง ถัดเข้าไปเป็นห้องพักพนักงาน..ถือว่าเป็นชั้นใต้ดินก็ได้ครับ ด้านหน้ามีทางเดินแคบๆ ขนาดตัวตึก ก่ออิฐถือปูนขบาบข้าง ปลูกต้นไม้และเป็นที่นั่งพักของคนสูบบุหรี่เรียงรายกันเป็นตับ

ตอนกลางคืนนี่เงียบเชียบ เยือกเย็นอยู่ในแสงไฟถนน ประตูที่ถัดห้องซ้ายขวาเข้าไปก็ปิดเงียบแล้ว


ผมเคยเจอประสบการณ์แปลกๆ ที่นั่นบ่อยหนครับ จนกระทั่งชาชินไปเอง


นั่นคือ บางคืนผ่านร้านขายยาไปหน่อย อ้าว? ใครมานั่งชันเข่าสูบบุหรี่แดงวาบๆ อยู่น่ะ แต่งชุดขาวแต่หน้าดำปี๋เชียว จู่ๆ ก็ลุกเดินโม่งๆ หายเข้าไปในประตูเหล็กที่ปิดเรียบร้อยเฉยเลย

บางคืนนึกว่าไม่มีใคร แต่พอมองดีๆ ก็เห็นร่างทึบทึมนอนราบอยู่บนขอบรั้วเตี้ยๆ พอจะเดินผ่านก็ลุกพรวดขึ้นมานั่งจ้องเขม็ง เล่นเอาหวิดสะดุ้งเหมือนกันครับ

โธ่เอ๊ย! จนนอนต่อให้สบายๆ ก็ไม่นอน ไม่รู้จะลุกขึ้นมาหาสวรรค์วิมานอะไร..เห็นจนไม่อยากเห็นแล้วน่า ไปผุดไปเกิดซะทีไป๊!


บางคนพวกเล่นมาเป็นโขยงเลยครับ


นั่งก็มี ยืนก็มี บ้างสูบบุหรี่อัดควันแดงวาบเชียว บางก็หัวเราะคิกคัก กลิ่นเหม็นบาดจมูกล่องลอยมาตามลม ผมจ้องมองเคืองๆ นึกอยู่ว่า..อ้อ! คืนนี้มีประชุมนะ หรือจะล่ำลากันไปสู่ภพใหม่ภูมิใหม่ละมั้ง? น่าจะเลี้ยงส่งกันให้ครึกครื้นนะ คุณผี!


จนกระทั่งถึงคืนอุบาทว์ชาติชั่วเข้าจนได้


คืนนั้นฝนเกิดตกตอนดึก พอขึ้นเรือก็ซัดจั๊กๆ จนต้องวิ่งเข้าไปหลบในร้านอาหารริมแม่น้ำ..จะนั่งเฉยๆ ได้ยังไงล่ะ? เลยสั่งเหล้าสั่งกับแกล้มมากินรอให้ฝนหายน่ะซีครับ

กว่าจะออกจากร้านได้ก็ดึกโข ฝนยังพรำบางๆ แต่ผมใช้หนังสือพิมพ์บังหัวเดินย่ำฟุตปาธแฉะๆ ไปทางสี่แยก..ผู้คนไม่เหลือแล้วละครับ เสียงเครื่องยนต์เรือดังแว่วมาเข้าหู สายลมพัดซ่าทำให้น้ำฝนร่วงพรูลงมา หนาวยะเยือกไปถึงหัวอกหัวใจ


แสงไฟสะท้อนพื้นถนนเปียกชุ่ม เป็นประกายวับ


ลมดึกคร่ำครวญวู่หวิวอยู่รอบๆ กาย..ผมเดินไปสักครู่ก็หันไปมองฝั่งขวามือโดยไม่ได้ตั้งใจ

ผู้ชายตัวสูงๆ เดินอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าชั้นใต้ดิน มือถือหนังสือพิมพ์บังฝนเหมือนผม จู่ๆ จ้ำอ้าวข้ามถนนราวกับเผ่นหนีอะไรน่าเกลียดน่ากลัวมายังงั้นแหละเอ้า!

"เดี๋ยวๆ รอด้วย โอย.." เขาร้องเสียงแหบๆ ชี้ไม้ชี้มือไปยังจุดที่ตัวเองเพิ่งผละมาหยกๆ "นั่น! มันมาเป็นโขยงเลย.."

ผมขนลุกซ่า จ้องมองก็เห็นแต่ความว่างเปล่าในแสงสลัว แต่พอหันมามองเขาให้ถนัดๆ ก็เห็นใบหน้าขาวซีด มีแต่หนังหุ้มกระดูก ดูแล้วเหมือนหัวกะโหลกที่ยังมีหนังหุ้มอยู่ยังงั้นแหละ..สงสัยเพิ่งตายมั้งเลยกลัวผี? ผมไม่เคยวิ่งก็ต้องวิ่งคืนนั้นเอง

ไม่รู้ว่าจงใจหลอกหรือเป็นผีปอดแหกกันแน่ แต่ผมน่ะขนหัวลุกครับ!


แหล่งที่มา: บอร์ดรวมเรื่องผี


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์