ซอยสยองขวัญ


ซอยสยองขวัญ

ผ่องพรรณ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากประชาเคราะห์ 2


ดิฉันเป็นครูโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งในเขตดินแดง กทม. นี่เองค่ะ อยู่บ้านกับพ่อแม่ในซอยค่อนข้างลึก แต่มีบ้านช่องติดๆ กันเรียงรายทั้งสองฝาก ส่วนมากรู้จักกันทั้งนั้นเพราะเป็นคนเก่าแก่ที่อยู่กันมาเป็นสิบๆ ปี

เรื่องซอยลึกไม่มีปัญหาหรอกค่ะ เพราะย่านนั้นมีซอยเล็กซอยน้อย ทะลุทั่วถึงกันเกือบหมด มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็มี รถตุ๊กตุ๊กแล่นผ่านไปมาตลอด หรือจะเดินไปหน่อยก็มีรถเมล์ประจำทางแล้ว



ถ้าจะมีปัญหาบ้างก็คือ


ผีดุค่ะ! อย่างแรกคือมีคนเมาทะเลาะกัน ฆ่ากันตาย วัยรุ่นไล่แทงไล่ฟันกันเลือดสาดรวมทั้งรถมอเตอร์ไซค์ปะทะกับรถสองแถวบ้าง รถกระบะบ้าง บางทีก็หลบคนจนเสียหลักไปอัดก๊อบปี้กับเสาไฟฟ้าจนกลายเป็นซากเละๆ คนขับขี่เมื่อหลายๆ ปีก่อนก็ไม่ค่อยชอบสวมหมวกนิรภัยกันหรอกค่ะ

ทีนี้ก็เชื่อกันว่ามีวิญญาณผีตายโหงสิงสู่ประจำซอยนะซีคะ ไม่ใช่แค่ตัวสองตัว แต่มากมายหรือชุกชุมเป็นโขยงแน่ะ...ยิ่งตอนกลางคืนเขาลือว่าผีดุหายห่วง!



นั่นคือมีคนพบเห็นสารพัดรูปแบบ


ตั้งแต่เห็นคนเดินสวนทางมา จู่ๆ ก็หายวูบเข้าไปในเสาไฟ บางทีเห็นใครนั่งกอดเข่าฟุบหน้าอยู่ที่โคนต้นไม้ริมทาง นึกว่าเป็นคนเมามานั่งหลับ แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ถึงได้เห็นว่าไม่ใช่ฟุบหน้าหรอก แต่เป็นผีหัวขาดน่ะค่ะ!

ป้าเกศ แม่ค้าขายผลไม้ที่ตลาดเจอภาพสยองขวัญหนักกว่าเพื่อน

วันนั้นแกออกไปซื้อกับข้าวแต่เช้ามืด มีคนเดินในซอยห่างๆ ราว 3-4 คน ไฟแสงจันทร์เยือกเย็น พอดีได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ดังมาข้างหลัง ป้าเกศก็หันไปมอง คิดว่าถ้ารู้จักกันจะได้อาศัยซ้อนท้ายไปด้วยคน



อ้อ! ไม่รู้จัก...ป้าเกศหันกลับตามเดิม


ก่อนจะชะงักเท้า ยืนตะลึงตัวแข็งทื่อขนหัวลุกตั้งทันใด...แล้วหันขวับไปมองอีกครั้งให้แน่ใจว่าเมื่อตะกี้ตาฝาดไปเองหรือเปล่า?

ไม่ได้ตาฝาดค่ะ รถอุบาทว์คันนั้นแล่นมาเกือบถึงตัวแล้ว...แต่ไม่มีคนขับ!!



เสียงป้าเกศร้องลั่นๆ


"ผีหลอก! ผีหลอกโว้ย..." ดังเป็นชุดๆ จนผู้คนแทบจะตกใจตื่นกันทั้งซอย ลุกออกมาดูก็เห็นแกวิ่งผ้าผ่อนหลุดลุ่ย ร้องไห้โฮเหมือนเด็กๆ ก่อนจะเป็นลมเป็นแล้งไปแถวๆ หน้าบ้านดิฉันเอง

จะว่าแกโกหกคงไม่ใช่แน่ แต่จะว่าตาฝาดก็ไม่เชิง เพราะป้าเกศยืนยันว่าจ้องมองจนแน่ใจ...รถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่มีคนขับแล่นช้าๆ เห็นชัดเจน แกบอกว่าไม่ช็อกตายคาที่ก็เป็นบุญแล้วค่ะคนอื่นๆ เชื่อกันว่าป้าเกศโดนผีหลอกจริงๆ ดิฉันยังสองจิตสองใจ สงสัยอยู่ว่า...ผีมีจริงๆ เหรอเนี่ย?



ในที่สุดก็ได้เจอเข้ากับตัวเองชนิดจังๆ


เมื่อปลายปีที่แล้วดิฉันได้ไปงานแต่งงานเพื่อนที่โรงแรมแถวประตูน้ำ ก็มีทั้งการอวยพรให้คู่บ่าวสาวและการดื่มเหล้าเบียร์กันตามธรรมเนียม ดิฉันปกติไม่ใช่นักดื่มนะคะ แต่คืนนั้นมีเพื่อนๆ อยู่ย่านเดียวกันอีกสองคน รับอาสาจะไปส่งให้เรียบร้อย ดิฉันไม่ต้องห่วงตอนขากลับเลยดื่มเบียร์ไป 2-3 แก้ว

ขากลับก็นั่งรถเพื่อนชื่อนุชมากับขวัญ แถวมักกะสันกับสามแยกราชปรารภเลี้ยวขวาไปดินแดงรถติดมาก จนกระทั่งเลี้ยวเข้าถนนประชาสงเคราะห์ 2 ถึงปากซอยบ้านดิฉันก่อน ส่วนนุชกับขวัญอยู่แถวๆ ทางที่จะทะลุออกรัชดาภิเษก 3



บอกตรงๆ ว่าเกรงใจเพื่อนค่ะ


ไม่ต้องเข้าซอยไปหาที่กลับรถหรอก ส่งแค่นี้ก็ดีถมไปแล้ว

เดินๆ ไปรู้สึกเยือกเย็นวังเวงใจพิกล แม้ว่าไฟแสงจันทร์จะส่องสว่าง ต้นไม้ใหญ่น้อยยืนทะมึน...พอดีมีเสียงฝีเท้าถี่ๆ ดังขึ้นเบื้องหลัง ทำให้ฤทธิ์เบียร์หายไปเกือบหมด



ตัดสินใจหันไปดูก็ยิ้มได้เมื่อเห็นผู้หญิงนุ่งกางเกงยีนส์


สวมเสื้อยืดสีขาวคอกว้าง เดินแทบจะเป็นวิ่งเหยาะๆ เข้ามาหา ผมยาวๆ กระจายเต็มบ่า หน้าตาสะสวยสะดุดตาเชียวค่ะ...เธออาจจะเป็นสาวบริการก็ได้

"รอด้วยค่ะพี่..." เธอร้องเบาๆ ดิฉันชะลอฝีเท้าจนสาวสวยตามทัน หันมายิ้มหวาน "พี่อยู่ซอนนี้ใช่ไหมคะ หนูเคยเห็นบ่อยๆ"

ดิฉันตอบรับ เราเดินกันไปเงียบๆ เสียงฝีเท้าสะท้อนตามหลังดังเป็นระยะ อากาศยิ่งหนาวลงทุกที...ในซอยเปลี่ยวยามดึกมีเราเดินกันอยู่สองคนเท่านั้น ใครๆ เขาคงเข้านอนกันหมด...จู่ๆ เสียงเครื่องยนต์ก็ครางกระหึ่มมาจากก้นซอย!



คงพวกนักเที่ยวหรือวัยรุ่นกระมัง...ดิฉันคิด


ขณะที่แสงไฟเจิดจ้าพวยพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว...ดีนะที่มีเพื่อนร่วมทางด้วย ไม่งั้นคงใจหายแน่ๆ แต่ถ้าเป็นคนร้าย เราจะไปสู้รบปรบมือได้ยังไงกัน?

รถชะลอความเร็วลง ดิฉันยกมือขึ้นป้องหน้าจ้องมอง เห็นว่าเป็นมอเตอร์ไซค์มีคนซ้อนท้ายมาด้วย เป็นผู้ชายทั้งคู่...ก่อนจะแล่นมาหาเราช้าๆ เหมือนภาพสโลว์โมชั่น แต่น่าสยองขวัญเสียจนแข็งทื่อไปทั้งตัว ปากคอแห้งผากจนร้องไม่ออกสักคำเดียว



ร่างทั้งสองบนรถอุบาทว์คันนั้นเต็มไปด้วยเลือดสดๆ


ส่งกลิ่นคาวคลุ้ง...ค่อยๆ แล่นผ่านเราไปโดยที่ร่างน่าสยองและใบหน้าแหลกยับทั้งคู่ไม่ได้หันมามองเราเลย

"ว้าย! ผีหลอก..." สาวสวยแผดร้องอยู่ใกล้ๆ หู ออกวิ่งไม่คิดชีวิต ดิฉันเองก็เผ่นตามเช่นกัน เสียงรองเท้ายิ่งดังก้อง เคล้ากับเสียงหัวเราะกระหน่ำเต็มสองหูอื้ออึง...ม่านตาพร่าพรายเหมือนมีดาวนับร้อยๆ ดวงแตกกระจายเต็มหน้า



จนกระทั่งไปหยุดหอบอยู่หน้าประตูบ้าน


ควานหากุญแจรั้วมือไม้สั่น รองเท้ากระเด็นไปตอนไหนก็ไม่รู้...แต่แล้วก็เอะใจวูบขึ้นมา

คุณพระช่วย! สาวสวยที่ดิฉันวิ่งตามเธอมาติดๆ หายไปแล้วค่ะ มองเห็นแต่บาทวิถีเปล่าเปลี่ยวเยือกเย็น แถวนั้นก็มีแต่รั้วบ้านติดๆ กัน ไม่มีซอกซอยให้หลบรอดสายตาไปได้เลย...ผลักประตูพรวดเข้าไปได้ก็วิ่งเข้าบ้านร้องไห้โฮเลย

เดี๋ยวนี้ดิฉันเชื่อสนิทแล้วว่าผีมีจริง ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปแล้วค่ะ!



แหล่งที่มา: บอร์ดรวมเรื่องผี


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์