หนุ่มเผยนาทีหลอน หลวงพ่อเสรี ซ้อนมอไซค์ ก่อนหายตัว สุดช็อกมรณภาพไปแล้ว 8 ปี
กรณีเรื่องราวสุดหลอน นายแฟน ปริญญา โกมลสิงห์ ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าวัดแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมถนนสายบึงสามพัน-วังพิกุล จังหวัดเพชรบูรณ์ เจอพระสงฆ์ลักษณะคอเอียง ยืนอยู่ตามลำพัง จึงจอดรถถามว่าจะไปไหน พระตอบว่าจะไปบ้านญาติที่ซับปางช้าง เจ้าตัวจึงรับขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ แต่ระหว่างทางพระกลับหายตัวไป ทำให้คิดว่าพระตกรถหรือไม่ ก่อนจะมารู้ภายหลังว่าพระดังกล่าวมรณภาพไปแล้วเมื่อ 8 ปีก่อน
รายการโหนกระแสวันที่ 18 ธ.ค. หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 ได้สัมภาษณ์ แฟน ปริญญา คนที่เจอเหตุการณ์ดังกล่าว มาพร้อม ป้าพร ทองสุข จันทวงค์ น้องสะใภ้พระที่มรณภาพ และ พระสมพร จันทโชโต พระเลขานุการเจ้าอาวาส วัดดาวนิมิต
แฟนไปเจอจริงๆ เหรอ
แฟน : ใช่ครับ ผมอยู่บึงสามพัน เพชรบูรณ์
เหตุการณ์เกิดอะไรขึ้น
แฟน : 30 พ.ย. วันนั้นกลับมาจากบ้านญาติ เกือบ 2 ทุ่ม กลับมาก็ขี่รถลงเขา ทางโค้งเห็นไฟแจ้งอยู่ เห็นหลวงพ่อเดินมา ก็เลยจอดรถรับ ถามว่าไปไหน หลวงพ่อบอกว่าไปซับปางช้าง ก็บอกว่างั้นขึ้นกับผมไป ให้แกขึ้นรถ ตอนนั้นมองว่าขึ้นรถเรียบร้อยแล้ว ตรงนั้นไม่มืด แต่มีไฟสลัวๆ
จุดที่เห็นพระรูปนี้ยืนอยู่ เป็นอะไร
แฟน : หน้าวัด ทางโค้งเลยวัดไปนิดเดียว
แฟน : ไม่เอะใจ ท่านเดินสวนขึ้นมา ถามว่าหลวงพ่อไปไหน เห็นมีย่ามด้วย คิดว่าจะกลับวัดหรือเปล่า แต่ท่านบอกว่าไปซับปางช้าง เราถามว่าหลวงพ่อไปหาใคร แกบอกว่าไปหาญาติ ก็แปลกใจว่า 2 ทุุ่มทำไมยังไปหาญาติ ตอนนั้นเรามองกระจกข้าง ระหว่างทางไป เป็นหลุมบ่อ ถนนเปลี่ยว เราก็ไม่ได้เอะใจ แต่พอจังหวะหันไปก็ไม่มีท่าน ช่วงนั้นมัวแต่ขับรถ เพราะถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ มืดด้วย ไม่ได้มองด้านหลัง หันมาอีกที พระไม่มีแล้ว
จริงๆ แฟนเองก็มาทางนี้บ่อยมั้ย
แฟน : ไม่ครับ เส้นนี้นานๆ ไปที เพราะจะมาส่งพระเลยมาทางนี้ เรารู้เส้นทางเลยพามา
แฟน : ตกใจครับ คิดว่าแกตกรถหรือเปล่า ก็ไปนั่งบ้านลุง รวบรวมสติ โทรหาพี่ที่เป็นตร. โทรเช็กรพ. รพ.บอกว่าไม่มีพระที่ตกรถมาส่งรพ.
หันมาไม่เห็นพระไปบ้านลุงก่อน
แฟน : ก็บอกลักษณะว่าพระแกเดินคอเอียงๆ เป๋ๆ เขาบอกว่าใช่องค์เดียกวัน ลุงมาส่งที่บ้านพี่ ผมนั่งบ้านพี่สักพัก พี่เขาก็เอาเรื่องนี้ไปโพสต์เฟซบุ๊ก แล้วมีคนมาบอกว่าลักษณะแบบนี้ คือใช่ เป๊ะๆ
เห็นหน้าชัดมาก
แฟน : ครับ
ร้องไห้เลยเหรอ
แฟน : คือใจมันเต้นจะร้องไห้ ลุงบอกว่าใช่คนเดียวกัน ลุงบอกว่าเดี๋ยวไปส่ง ไปนั่งบ้านพี่ พี่เขาก็เอาไปลงเฟซบุ๊ก นั่งไม่ถึงครึ่งชม. หมาที่ไม่เคยหอนก็มาหอน ผมกลับบ้านก็หอนที่บ้านอีก เหมือนตามมาด้วย
คุณอยู่บึง แต่ที่ผ่านไปคือเขาแหลม คุณไม่เคยรู้ประวัติที่นี่
แฟน : ไม่เคยเลย แต่ลุงรู้ ลักษณะคอเอียงๆ ปากแหว่งๆ เบี้ยวๆ เดินกะเผลกๆ
วันนี้ขวัญมาหรือยัง
แฟน : มาแล้วครับ
มีคนเคยเจอมั้ย
แฟน : ที่ไปสืบมา เจอเยอะครับ
น้องสะใภ้ ตกลงพระที่แฟนพูดถึงคือใคร
ป้าพร : หลวงลุงเสรี จันทวงค์ ค่ะ เป็นพระอยู่วัดดาวนิมิต ท่านมรณภาพไปเมื่อปี 2555 แปดปีแล้วค่ะ
รูปนี้มั้ย
แฟน :รูปนี้ครับ
รูปนี้ไม่ได้ชรา รูปปัจจุบัน ก่อนท่านมรณภาพมีมั้ย
ป้าพร : ไม่มีค่ะ
ทำไมมั่นใจว่าใช่
แฟน : หน้าแกจะเรียวๆ แบบนี้ ตัวเล็กๆ ที่เดินมา
ท่านเป็นใคร ทำไมจะไปหาโน่นนี่
ป้าพร : แต่ก่อนท่านบวชที่โคราช ญาติไปรับมาอยู่วัดสมอทอดจะได้ดูแลปฏิบัติท่านบ้าน ท่านไม่ค่อยสมบูรณ์ ขากะเผลก ไหล่เอียงๆ ปากเบี้ยวๆ นิดนึงอย่างที่น้องเขาบอก ท่านเป็นพระที่สมถะ ไม่ค่อยไปไหน
เป็นอะไรถึงมรณภาพ
ป้าพร : ท่านไม่สบาย แล้วไม่ค่อยไปหาหมอ ท่านก็อยู่กุฏิของท่านได้ เป็นพระลูกวัดนี่แหละค่ะ ญาติก็มาปลูกกุฏิเล็กๆ ให้อยู่ รวมตังค์กันมา
ป้าพร : ท่านไม่ได้ปรากฏตัวให้เราเห็น แต่ถามว่าเชื่อมั้ยก็เชื่อนะคะ วันท่านมรณภาพ ท่านนั่งขัดสมาธิอยู่ นั่งตัวตรง เอาข้าวไปส่ง เรียกแล้วท่านไม่ตอบรับ ก็งัดหน้าต่างไป เห็นท่านอยู่ในสภาพนั่งมรณภาพ ลุงกับป้าเข้าไปเป็นคนแรก
ป้าพร : ใช่ค่ะ ก็ไม่มีลมหายใจแล้ว หมอรพ.บึงสามพันก็ไปพิสูจน์ว่าเป็นอะไรมั้ย ใครทำอะไรมั้ยก็ไม่มี
ทำไมถึงเชื่อว่ายังไม่ไปไหน ท่านเลือกคนเจอมั้ย
ป้าพร : ท่านเลือกคนไม่รู้จักค่ะ ก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะว่าทำไม อย่างเจ้าของโรงเลื่อยที่ซับปางช้างก็เจอ เจอลักษณะเดินแบบนี้ เขาเล่าว่าขับรถมาตอนมืดเห็นพระองค์นี้เดิน คอเอียงๆ ขากะเผลกๆ
ท่านเป็นอะไรที่ขา
ป้าพร : รู้สึกว่ารถล้มค่ะ แต่จำไม่ค่อยได้ คอเอียงเพราะเกิดมาไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่
ทำไมท่านยังอยู่
ป้าพร : อันนี้จากความรู้สึกของตัวเอง วันท่านมรณภาพ ตอนนั้นคิดอยู่แป๊บนึง ว่าทำไมวัดดาวนิมิตไม่มีพระสักองค์ไปขออโหสิกรรมให้ท่าน ล่วงเกินอะไรก็ไปขออโหสิกรรม คิดวันนั้นค่ะและลืมไปแล้ว แต่วันนี้มาสะดุดใจนิดนึงว่าใช่มั้ย ทางวัดไม่ได้อโหสิกรรมหรือเปล่า ทำให้วิญญาณยังอยู่
เห็นว่าเจอทุกวันพระเหรอ
ป้าพร : เขาว่ากันอย่างนั้นค่ะ เฉพาะวันพระค่ะ
เห็นล่าสุดเมื่อไหร่
ป้าพร : สามีป้าเจอที่หน้าบ้านค่ะ มายืนให้เห็น ไม่พูดไม่คุย มาเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา มายืนอยู่ตรงหน้ามอเตอร์ไซค์แล้วก็หายไป ประมาณทุ่มนึงค่ะ
มั่นใจได้ไงว่าเป็นหลวงตาเสรี
ป้าพร : เพราะที่บ้านเปิดไฟสว่างไว้
เห็นว่ามีคนเจออีก
แฟน : เป็นตร. อยู่วังพิกุล ผมนั่งอยู่บ้านพี่ผม ที่เขาเป็นคนโพสต์ ทีนี้เขาโทรมาบอกว่าครั้งแรกเขาไม่เชื่อว่ามรณภาพแล้ว เพราะแกเคยเห็น ครั้งแรกแกมาเถียงว่าพระองค์นี้ยังไม่ตาย แกเคยเห็น เพราะแกเปิดปั๊มน้ำมัน ตีสี่ตีห้าต้องมาซื้อน้ำมันที่ตลาด แกก็เห็นพระออกบิณฑบาต แกเถียงผมว่าพระยังไม่ตาย แต่พอเห็นออกข่าวปุ๊บก็บอกว่าใช่เลย องค์เดียวกัน
วันที่คุณถูกหลอก พี่คุณเอาข้อความไปลงเฟซบุ๊ก มีตร.โทรหาพี่คุณว่าลงได้ไง หลวงตายังไม่ตาย เพิ่งเจอเดินบิณฑบาตอยู่ตอนเช้า สุดท้ายข่าวลง ก็เลยจนใจยอมเชื่อ แกเห็นรูปที่ไหน
แฟน : แกเห็นในข่าว แกบอกว่าองค์เดียวกัน ลักษณะตรงกัน เจอก็เจอที่เดียวกัน ตรงที่ผมรับ
ทำไมท่านต้องไปยืนตรงนั้นเพราะอะไร
ป้าพร : ป้าก็ไม่ทราบเหมือนกันเพราะไม่เคยเจอ ท่านอาจผูกพันตรงนั้นก็ได้ อยากวนเวียนอยู่แถวนั้น ท่านไม่ได้ไปไหน อยากอยู่แถวๆ นั้นก็ได้
แฟน : ผมก็ไม่ทราบ ต้องถามจ่าต้อม เขาจะรู้ประวัติ
พระอาจารย์เชื่อมั้ย
พระสมพร : ไม่เคยเจอตัวเป็นๆ มาไม่ทัน มาตอนปี 56 หลังมรณภาพ ตอนมาก็ไม่มีใครเล่าให้ฟัง มาถึงมีกุฏหลังใหม่ขึ้น
ที่มีข่าวลือว่าใครไปรื้อกุฏิหลวงตาเสรีไม่ได้ จะมีอันเป็นไป
พระสมพร : ก็มีเจ้าอาวาสและโยมในละแวกนั้นไปรื้อ ก็ยังอยู่ทุกวันนี้ ก่อนหน้านั้นไม่มีใครคุย หลังจากอยู่ตรงนั้นครบพรรษา ถึงมีโยมมาคุยให้ฟังว่ามีพระมรณภาพที่กุฏิหลังนี้ ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ถามว่าเคยเห็นอะไรมั้ย ก็บอกว่าไม่เคยเจอ นั่งทำรายงาน เที่ยงคืนห้าทุ่ม ตื่นมาทำวัตรตีสามตีสี่ เดินขึ้นเดินลง ก็ไม่เคยเจอ ก็ไม่มีคนเห็นนะ
เชื่อมั้ย
พระสมพร : ไม่ลบหลู่ดีกว่า แต่ก็เชื่อ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล
โฟนอินหา "คุณต้อม" คนที่เคยสนิทพระเสรีตอนเขาเด็กๆ เป็นคนในพื้นที่
ต้อม : ใช่ครับ ผมเกิดที่นี่
ต้อม : ในลักษณะที่บอกกัน ด้วยอัตลักษณ์ของท่าน เป็นพระรูปร่างเล็กๆ เดินคอเอียงๆ เรารู้จักท่านมาตั้งแต่เด็กๆ เจอตั้งแต่ท่านบวชพระนานมาแล้ว ลักษณะเด่นท่านจะเป็นแบบนั้น
ต้อม : ใช่ครัยบ เพราะหลังจากนั้นไม่มีพระที่มีลักษณะแบบนี้ในพื้นที่เลย แว้บแรกก็มีหลวงตาเสรีองค์เดียวที่เรานึกออก เพราะครั้งแรกที่เขาติดต่อถามมา เขาไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าลักษณะพระเป็นยังไง แต่เขาพูดว่าวัดดาวนิมิตมีกี่รูป เพราะตอนผมเด็กๆ มีแค่สองรูป เราก็บอกลักษณะพระอีกรูปนึงเป็นแบบนี้ เขาก็บอกว่าเหมือนจะใช่ ทั้งที่เรายังไม่ได้บอกกกันว่าเขาเจอพระลักษณะเป็นแบบไหน
โดยนิสัยใจคอท่านเป็นยังไง ทำไมถึงยังอยู่ ไม่ไปไหน
ต้อม : หลวงตาเป็นคนสมถะ ไม่ยุ่งกับใคร เด็กๆ เคยไปเรียกท่านให้มาฉันท์ข้าวเวลามีงาน ท่านก็ไม่มา ท่านจะบิณฑบาตเอง เช้า 7-8 โมงก็ถึงวัด แต่ท่านด้วยร่างกาย จากวัดมาตลาดสมัยก่อนทางไม่ค่อยดี ท่านก็อยู่ของท่านแบบนี้ตลอด ท่านไม่รับกิจนิมนต์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ท่านอยู่สันโดษตลอด
ท่านหวงวัดมั้ย
ต้อม : วัดนี้เจ้าอาวาสองค์แรก ท่านนิมิตที่จะดำริสร้างขึ้นมา หลวงตาท่านก็ช่วยตั้งแต่แรกๆ ท่านก็จะมีกุฏิเล็กๆ กุฏิไม้ของท่าน ท่านก็ผูกพันกับวัดนี้มาตลอด
เขาเจอทุกวันพระเหรอ ทำไมคิดว่าท่านยังอยู่
ต้อม : ความคิดผม ท่านจะให้คนไม่รู้จักได้เห็น ถ้าเป็นนัยยะความเชื่อ ผมคิดว่าท่านอาจมาบอกเตือนเรา ว่าวันนี้วันพระแล้วนะให้เรามาทำบุญ การทำบุญก็เหมือนอุทิศให้ท่านไปด้วยอุทิศให้ญาติพี่น้องไปด้วย เป็นนัยยะทางธรรมะอย่างหนึ่ง ความคิดของผมนะ เหมือนมาเตือนว่าวันพระให้มาทำบุญกันนะ
คิดว่ายังอยู่
ต้อม : คิดว่าอย่างนั้น ที่เลือกเจอคนไม่รู้จัก เป็นเรื่องที่เรากำลังคิดว่าทำไมท่านต้องเจอคนที่ท่านไม่รู้จัก เพราะส่วนมากที่ถามและคุยกันหลังเกิดเรื่อง จะเป็นคนไม่รู้จักหรือคนไม่อยู่ในถิ่นนี้มาก่อน บางทีพ่อค้าแม่ค้าที่มาพักที่วัด พ่อค้าแม่ค้าจรก็เจอแบบนี้ ท่านก็เดินมาหาเหมือนกัน แต่เขาไม่รู้จัก คิดว่าเป็นหลวงพ่ออยู่วัดนี้ แต่จริงๆ ท่านมรณภาพไปนานแล้ว
คนในพื้นที่เชื่อกัน
ต้อม : ใช่ ด้วยอัตลักษณ์ ด้วยรูปร่างของท่าน
จุดที่ท่านยืนอยู่เป็นอะไร
ต้อม : หัวมุมวัดเป็นศาลาพักผู้โดยสาร ชาวบ้านจะรอรถก็รอตรงนี้ แล้วท่านเดินกลับจากบิณฑบาต ท่านเหนื่อยก็จะมานั่งศาลานี้ประจำ ก่อนออกไปก็มาอยู่ตรงนี้ประจำ เป็นวัดของท่าน
กุฏิที่บอกว่ามี่คนไปรื้อแล้วเจ็บป่วย
ต้อม : เป็นเรื่องที่คุณพ่อเล่าให้ฟังว่ามีคนเคยไปรื้อกุฏิท่าน จริงๆ กุฏิอยู่หน้าเขาฝั่งถนนเส้นเดิม เป็นถนนเส้นล่าง ปัจจุบันอยู่ข้างห้องน้ำเมรุ
ทุกวันนี้กุฏิยังอยู่มั้ย
ต้อม : ไม่แน่ใจ น่าจะเป็นซากไปแล้ว
ยังอยู่มั้ย
พระสมพร : กุฏิรื้อไม่มีแล้ว ตอนนี้เป็นเมรุ ศาลาหัวมุมทุบพังไปหมดแล้ว
เคยมีคนไปรื้อแล้วไม่สบาย
ต้อม : พระอาจารย์มาไม่ทัน ช่วงผมกลับมาอยู่คุณพ่อเล่าว่าคนจะไปรื้อเอาไม้ ช่างก็ได้รับอุบัติเหตุ แขนขาหักกันไป เขาเลยไม่รื้อ น่าจะช่วงหลังที่เอารถมาปรับพื้นที่ทำเมรุ น่าจะตอนนั้นมากกว่า
แฟนยืนยันว่าเจอแน่ๆ
แฟน : ครับ
แถวนั้นเชื่อกันมากมั้ย
แฟน : เชื่อมาก
อยากเจอต้องวันพระ เอาอีกมั้ย
แฟน : ไม่เอาแล้วครับ
เมื่อก่อนไม่เคยห้อยพระ ตอนนี้ห้อยเต็มเลย
แฟน : เมื่อก่อนห้อย 4 องค์ตอนนี้ห้อย 5 องค์ (หัวเราะ)
ป้าพร : เลี้ยงเพลและทอดผ้าป่าให้หลวงตาเสรีค่ะ