ผีกระดังงาสุดสยอง


ผีกระดังงาสุดสยอง

"ขุนจันทร์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากโรงงานร้าง


บ้านผมอยู่ห้วยขวาง ย่านประชาราษฎร์บำเพ็ญ ตรอกเล็กซอยน้อยหายห่วงครับ แผ่กระจายหลายสิบซอยเหมือนกับใยแมงมุมยังงั้นแหละ คนแปลกหน้าหรือไม่คุ้นทางอาจจะหลงได้ง่ายๆ

สมัยก่อนเชื่อกันว่าเป็นดงสลัม ขึ้นชื่อลือชาว่าระดับน้องๆ สลัมคลองเตยเข้าไปนั่น แต่เดี๋ยวนี้แทบจะไม่หลงเหลือแล้วละครับ

แหม! หมู่บ้านกระต๊อบนิเวศน์ ประเภทหลังคาก่ายเกยกันแทบไก่บินไม่ตกดินน่ะมีมั่ง เรียกโก้ๆ ตามยุคสมัยว่า "ชุมชน" คนอยู่ที่นั่นต้องทำงานแบบเอาเหงื่อแลกน่ะไม่ว่าที่ไหนๆ ก็มี ทั้งตจว. กับกทม. นั่นแหละคุณเอ๋ย

พ่อค้าแม่ขาย ลูกจ้างพนักงาน ช่างไม้ช่างปูน กรรมกรแบกหามไปถึงซาเล้งคนว่างงาน ขี้ยา ตีนแมว นักเลง กุ๊ย ขาโจ๋ ขาเมา คุณตัวราคาถูกๆ มีครบเครื่อง




ผมก็อยู่ในละแวกนั้น


ถึงจะเป็นพนักงานบริษัทโก้หน่อย แต่ก็คบค้าสมาคมกับเขาได้หมด เรียกว่าเป็นกันเองทุกชั้นชนละกัน ไม่เต๊ะท่า วางฟอร์มซะอย่าง เพื่อนฝูงก็เยอะแยะเป็นธรรมดานะครับ




วันนี้ผมมีเรื่องผีดุสะบัดช่อมาเล่าให้ฟัง!


ไม่ต้องพูดถึงวิญญาณพเนจร หรือสัมภเวสี-ผีไม่มีศาล เที่ยวหลอกหลอนเขาไปเรื่อย อย่างพวกไล่ฆ่ากัน หรือซิ่งรถจนตัวตายมั่ง ชนคนตายมั่ง ถ้าไม่โผล่มาหลอกคนตอนดึกๆ ก็ร้องโอดโอยโหยหวน เยือกเย็นน่าขนลุก เล่นเอาชาวบ้านร้านช่องคลุมโปงครางฮือๆ ไปตามๆ กัน




เรื่องที่ผมจะเล่านี่เป็นผีมีหลักฐาน


มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งครับ...คือผีโรงงานร้างกลางซอยนั่นเอง อยากจะบอกชัดๆ ว่าซอยไหน ชื่ออะไร ก็กลัวว่าเจ้าของเขาจะฟ้องร้องเอาเปล่าๆ ที่ปล่อยให้โรงงานตุ๊กตาทิ้งร้างมาหลายปี แถมผีชุมอีกต่างหาก ไม่ยักกะมีใครฟ้องร้องซักคน แปล๊กแปลก!




โรงงานนี้ดูเผินๆ เหมือนบ้านสองชั้น


แต่ด้านริมรั้วน่ะเป็นผนังยาวๆไม่มีหน้าต่างซักบานเดียว สภาพเก่าแก่ทรุดโทรมเต็มที สีลอกกะดำกะด่างจนไม่เห็นสีเดิม แถมน้ำฝนไหลเป็นทางจนตะไคร่จับเขียวปี๋ มีต้นไม้เล็กๆ ขึ้นตามรอยปริแยกอีกต่างหาก




ตัวตึกหันข้างให้รั้ว


ด้านหน้ามีสนามหญ้ารุงรัง รั้วอิฐบล็อกสูงลิ่วยังไม่พอแถมมีสังกะสีกั้นต่อขึ้นไปอีก ทั้งป้องกันคนเข้ากับสายตาคนที่ผ่านไปมาไม่ให้มองเห็นข้างใน ทั้งที่มีต้นมะพร้าวสูงลิ่ว 2 ต้นอยู่ใกล้ๆ รั้ว




ขนาดน่ากลัวแบบนี้ก็ยังไม่วายมีเสน่ห์ตรงประตูรั้วนะครับ!


กระดังงาต้นใหญ่เลื้อยพันขึ้นมารกครึ้ม ตอนเย็นๆ ดอกเหลืองอร่ามส่งกลิ่นหอมกรุ่น ยั่วใจทั้งพวกสาวๆ หนุ่มๆ ให้แวะเด็ดคนละดอกสองดอกมาเชยชมให้ชื่นใจ

ไม้พันธุ์นี้มีชื่อแปลกๆ น่าสับสนเอาการ คือมีทั้งกระดังงา การเวก สายหยุด...ที่มีโคลงเก่าๆ ว่า "สายหยุดยุดกลิ่นฟุ้ง ยามสาย สายบ่หยุดเสน่หา ห่างเจ้า" ผมจำได้แค่นี้ละครับ เขาว่าตามป้ายรถเมล์น่ะการเวก แต่ที่รั้วโรงงานร้างนี่กระดังงาแน่ๆ




กระดังงาริมรั้วเกิดมีผีดุบรรลัยขึ้นมาละซี!


พวกสาวๆ แส้ๆ เดินผ่านไปมาได้กลิ่นหอมกรุ่น มองเห็นกระดังงาอวดดอกลับๆ ล่อๆ ตามใบเขียวเข้มก็อดโฉบเข้าไปเอื้อมมือเด็ดไม่ได้ บางดอกสูงหน่อยก็เขย่งเอา...แต่มีเสียงกระแอมดังขึ้นตรงหน้า อะแฮ้ม! หรือ ฮะแอ้ม! แล้วแต่จะฟังเอาละกัน




สะดุ้งโหยง หน้าซีด เหลียวมองก็ไม่เห็นใคร


พอแข็งใจเอื้อมมือสุดเหยียดไปอีกที เสียงกระแอมดังใส่หน้ายิ่งกว่าเดิม เล่นเอาสาวผู้รักดอกไม้ถึงกับร้อง ว้าย...ตาเถน! เดินขาสั่นไปเลย ไม่เอาแล้วกระดังงากระดังงอ!

น้องโอ๋ - คนสวยประจำซอย ลูกสาวน้าอ้อยเล่าว่า เคยเห็นกระดังงาไหวลมล่อตาก็เลยเอื้อมมือไปหา พอจะเด็ดก้านก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกๆหน้าขาววอกโผล่ออกมาร้องจ๊ะเอ๋...เอากี่ดอกล่ะจ๊ะ?




คราวนี้แทบซอยแตก


เพราะน้องโอ๋บ้าจี้นี่ครับ ร้องลั่นๆ ว่าไอ้นั่นหกไอ้นี่หก ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะหก ก่อนจะเผ่นอ้าวร้องจ้า หน้าอกหน้าใจหวิดหกจริงๆ เอ้า!

พวกผู้หญิงชักแหยงๆ แต่ขาเมาอย่างเจ้าอ๊อดกับเจ้าโอประกาศว่าไม่กลัวผี! เผลอๆ จะชวนเล่นจ้ำจี้อีกต่างหาก ค่ำนั้นเมาปลิ้นออกจากร้านชำเดินแอ่นมาที่หน้าโรงงานร้าง แหม! ดอกกระดังงาบานสะพรั่งเพราะไม่มีใครกล้าตอแยด้วย




ขาโจ๋ขี้เมาหัวเราะคิกคัก


ชวนกันเด็ดดอกไม้สวยๆ หอมๆ ยั่วใจไปฝากสาวดีกว่า...หวังตีซี้ หลีฟันตามฟอร์ม

พอเอื้อมมือไปเท่านั้นแหละ กิ่งใบดกหนาก็แหวกพรวด หน้าขาวจ้อกวอกโผล่ออกมาร้อง...แว่!! สองเกลอร้องเอิ๊บ...หงายหลังตึงก้นกระแทก เสียงหัวเราะเกรียวกราวก้องหูขนาดเมาปลิ้นยังหายเมาเป็นปลิดทิ้ง ร้องจ้าหาแม่...วิ่งล้มลุกคลุกคลานไม่คิดชีวิต หวิดจะจับไข้หัวโกร๋นทั้งคู่




วันนั้นผมก็เจอทีเด็ดเข้ากับตัวเองจนได้!


ค่ำนั้นเดินมาเรื่อยๆ คนละฝั่งกับโรงงานร้าง อากาศหน้าหนาวเย็นยะเยือกเอาการ ได้ยินเสียงตุ๊บๆ น่าสะดุ้งแต่ผมรู้ว่านั่นคือเสียงมะพร้าวแก่ๆ หล่นน่ะ จนกระทั่งมาถึงเถากระดังงาก็เห็นสาวใจถึงกำลังยืนหันหลังเด็ดดอกไม้...ขนาดสูงๆ ก็เด็ดได้

กำลังนึกชมความกล้าหาญของเธอ พอดีร่างบอบบางหันมายิ้มนิดๆก่อนจะเดินผ่านประตูรั้วสนิมเขรอะปิดสนิทเข้าไปดื้อๆ หายลับเข้าไปในความมืดสลัว ยอดไม้ไหวซ่า...ผมเดินหลังเย็นวาบๆ หวิดสะดุ้งเป็นกุ้งเต้น ...นึกขึ้นมายังขนหัวลุกอยู่เลยครับ!




แหล่งที่มา: บอร์ดรวมเรื่องผี




เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์