กฎแห่งกรรม | ตอน คนกินดีงู..!!
นายหวัง เหล่าซัน ได้ฟังอาจารย์ท่านหนึ่งสอนว่าใครก็ตามที่กินดีงูเป็นประจำจะทำให้ตาสว่าง ยิ่งได้กินงูที่มีพิษมากยิ่งดี เพราะจะทำให้ตาสว่างมากขึ้น ถ้าหากว่าสามารถกินดีงูติดต่อกัน ๓๐๐ ตัว พอแก่ตัวลงตาจะสว่างมาก สุขภาพร่างกายแข็งแรง
ว่ากันว่า ดีงูที่กินลงไปจะทำให้ตาสว่างเหมือนตาแมงกลางคืน มืดอย่างไรก็มองเห็นชัดเจนเหมือนตอนกลางวัน ฉะนั้น นายหวังจึงพยายามทำความรู้จักกับชาวบ้านชนบท เพื่อที่จะให้พวกเขาเหล่านั้นจับงูพิษมาให้แล้ว ตัวเองจะได้กินดีงู
นายหวังอยู่ทางภาคเหนือในตำบลเล็กๆ แห่งหนึ่ง เขามีอาชีพขายดินให้ชาวนา จึงมีโอกาสรู้จักกับชาวนาแถบชนบทมากยิ่งขึ้น เพียงไม่กี่วันก็มีชาวนานำงูพิษมาขายให้นายหวัง
นายหวังยังได้รู้จักกับผู้มีฝีมือในการล้วงดีงู เขาสามารถล้วงเอาดีงูออกมาได้โดยที่งูตัวนั้นไม่ตๅย ประวัติของคนล้วงดีงูนั้น สมัยก่อนเป็นคนเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ พร้อมกับภรรยาและลูก มีอาชีพจับงูทุกชนิดและเอามาทำยา ถ้าเป็นภาคใต้ทุกคนจะรู้จักชื่อ นายหลี่ ปาสู่ ซึ่งมีอาชีพจับงู เป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในทางนี้
แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่ภรรยาและลูกของนายหลี่ถูกงูกัดตๅย ทำให้นายหลี่อับอายขายหน้าชาวบ้าน ไม่กล้าอยู่ทางภาตใต้ต่อไป จึงได้ไปอยู่ภาคเหนือ มีอาชีพจับงูและล้วงดีงูให้นายหวังเป็นประจำเพื่อได้เงินมาประทังชีวิต
นายหลี่มีความชำนาญมาก ขนาดหลับตายังสามารถใช้มีดปลายแหลมแทงให้ตรงจุด แล้วล้วงเอาดีงูออกมาได้ทุกครั้ง นายหวังจะต้องเตรียมเหล้าไว้ครึ่งแก้ว พอได้ดีงูมานายหวังจะใส่ปากแล้วดื่มเหล้ากลืนลงไป งูตัวนั้นจะถูกมัดด้วยเชือก เมื่อดีงูถูกล้วง หางงูก็จะกระดิกดิ้นด้วยความเจ็บปวด โบราณว่างูมีพิษร้าย แต่จิตใจมนุษย์มีพิษร้ายกว่างู
เมื่องูตัวนี้ถูกล้วงดีงูแล้ว นายหวังได้กินดีงูลงไป นายหวังจะยกงูตัวนี้ให้กับนายหลี่ นายหลี่เมื่อได้งูมาจึงฆ่ๅงูทิ้งและนำหนังงูไปตากแห้ง สำหรับเนื้องูจะนำไปขายที่ห้องอาหารมีชื่อ ทางร้านอาหารจะนำเนื้องูไปปรุงเป็นอาหารด้วยรสชาติอันโอชา ดังนั้นถึงแม้นายหลี่จะขายเนื้องูให้ห้องอาหารด้วยราคาแพง เจ้าของก็จะซื้อ เพราะปรุงออกมาเป็นอาหารแล้วรสชาติกลมกล่อม หลายๆ คนจึงนิยมกินเนื้องู
นายหวังมาคิดคำนวณดูว่า ตนเองเป็นผู้เสียเงินซื้องูมา ได้กินแต่ดีงู ส่วนนายหลี่ได้เอาเนื้องูและหนังงูไปขายด้วยราคาสูง ในความรู้สึกของพ่อค้าอย่างนายหวังรู้ได้ทันทีว่าตนเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะดูแล้วนายหลี่ล้วงดีงูง่ายนิดเดียว เพียงแต่เอาเชือกใหญ่มัดงูไว้แล้วใช้มีดปลายแหลมแทงลง นับจากลำคอลงไปประมาณ ๗ นิ้ว ก็สามารถล้วงเอาดีงูออกมาได้ หนังงูก็มีค่า เนื้องูทุกคนก็ชอบกิน ได้กำไรมากมาย
การขายงูตัวหนึ่งที่ไม่มีดีงูนั้น เงินที่ได้มาก็นำไปซื้องูได้อีกตัว มีทั้งดีงูและหนัง ดีงูเก็บไว้กินเอง หนังงูเก็บไว้ขายราคาก็ดี เนื้องูขายให้ห้องอาหาร การค้าอย่างนี้ตนน่าจะทำเอง เมื่อคิดได้อย่างนั้น นายหวังจึงคิดฆ่ๅงูเอง และตัวเองจะได้กินดีงูฟรีๆ
สมัยนั้นนายหวังอายุได้ ๓๙ ปี เรียกได้ว่าอยู่ในวัยหนุ่มใหญ่มีร่างกายแข็งแรง หลายปีมานี้ได้กินดีงูได้ดื่มเลือดสดๆ ของงู นายหวังจึงมีพละกำลังมาก ใครๆ เชื่อว่าเลือดสดๆ ของงูถ้ากินได้จะชูกำลังดีและสามารถรักษาโรคปวดไขข้อได้ เพราะเหตุนี้ถึงแม้นายหวังจะมีลูกและภรรยาแล้ว แต่ก็ดูเป็นหนุ่มกระชุ่มกระชวย
หลายปีมานี้การค้าก็ดีมีกำไรมากมาย จึงทำให้นายหวังร่ำรวย นายหวังจึงได้มีเมียน้อย ๓ คน เมียน้อยเหล่านี้ล้วนเป็นเด็กสาวและเป็นลูกสาวของคนงานทั้งสิ้น นายหวังจะต้องออกไปทำการค้าประจำ ไปครั้งละหลายๆ วัน จึงได้มีเมียน้อยหลายคน
เขาได้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ต่อมาทุกคนรู้ว่านายหวังมีเมียหลายคน รวมทั้งลูกและภรรยาก็รู้เรื่องนี้ด้วย ทางเมียหลวงจึงได้วางระบบครอบครัวใหม่ เมียหลวงจะเป็นผู้คุมการเงิน และให้ลูกสาวดูแลผลประโยชน์และบัญชี
เมื่อเมียควบคุมการเงิน นายหวังจึงมีค่าใช้จ่ายน้อยลง เดือนแรกนายหวังยังไม่เดือดร้อนในเรื่องการเงิน ยังคงไปมาหาสู่เมียน้อยทั้ง ๓ คนอย่างมีความสุข แต่พอเงินไม่ถึงเมียน้อยคนที่ ๑ ก็เลยตีตัวออกห่าง โดยแอบเอาเงินที่นายหวังให้มาปรนเปรอชายหนุ่ม เดี๋ยวนี้นายหวังไม่ค่อยมีเงินให้เมียน้อย เมียน้อยคนที่ ๑ จึงได้หนีตามผู้ชายไป
ส่วนเมียน้อยคนที่ ๒ ได้เอาเงินที่นายหวังให้ส่งเสียคนรักเรียนมหาวิทยาลัยจนจบ ช่วงนี้นายหวังตกต่ำมาก ฐานะไม่ดีเหมือนแต่ก่อน เมียน้อยคนที่ ๒ จึงได้หนีตามคู่รักไปอยู่ที่กรุงเทพฯ
สำหรับเมียน้อยคนที่ ๓ ถึงแม้ไม่มีชายหนุ่มมาติดพัน แต่ก็ไม่อยู่กินกับนายหวังอีกต่อไป ทุกครั้งที่นายหวังมาหาจะคอยหลบหน้าเสมอ สุดท้ายพี่น้องของเมียน้อยคนที่ ๓ ต้องออกมาพูดกับนายหวังให้รู้เรื่อง โดยบอกให้นายหวังอย่าได้มายุ่งกับน้องสาวอีกต่อไป เพราะน้องสาวกำลังจะเตรียมตัวแต่งงานใหม่ นายหวังรู้สึกผิดหวังและปวดร้าวใจมาก จึงได้ดื่มเหล้าเป็นประจำด้วยความขมขื่นใจ
ในปีนั้นนายหวังอายุได้ ๔๒ ปี มีอยู่วันหนึ่งนายหวังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ จู่ๆ ตาก็พร่ามัวมองไม่ชัดเจน นายหวังจึงรีบเอาน้ำมาลูบตาแล้วก็หยอดตา หลังจากนั้นจึงได้เอาหนังสือพิมพ์ที่อ่านค้างอยู่ปิดหน้าแล้วหลับไป หลังจากตื่นขึ้นมานายหวังก็ร้องเอะอะโวยวาย เสียงร้องของนายหวังทำให้ภรรยาและลูกต้องรีบเข้ามาดู ก็ได้เห็นนายหวังมีอาการตะเกียกตะกาย สองตาเบิกโพลงเหมือนเห็นสิ่งที่น่ากลัวอยู่ตรงหน้า ปากก็พูดว่า
"ตอนนี้ฉันมองอะไรไม่เห็น มีแต่ความมืดมิด"
ให้ลูกสาวช่วยพยุงออกไปข้างนอก จ้างรถไปส่งที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงโรงพยาบาลหมอก็ทำการตรวจ ผลปรากฏว่า เส้นประสาทตาขาด ถึงจะมีลูกตาดำทั้งสองข้าง แต่ก็มองไม่เห็นอะไรอีก
เมื่ออดีตนายหวังดื่มเลือดงูเป็นประจำและมีภรรยาถึง ๓ คน แต่ว่าบัดนี้ชีวิตของนายหวังล้มเหลว ชีวิตของเขายังจะต้องได้รับความทุกข์ทรมๅนอีก นายหวังคิดจะฆ่ๅตัวตๅยหลายครั้ง คิดว่าถึงมีชีวิตอยู่จะต้องทุกข์ทรมๅน เพราะมองไม่เห็น สู้ตๅยไปเสียจะดีกว่า แต่ทุกครั้งที่นายหวังคิดจะฆ่ๅตัวตๅยก็มีคนมาช่วยไว้ทัน นายหวังยังพูดกับเมียหลวงว่า
"ก็ดีเหมือนกันที่ฉันตาบอดจะได้ไม่ต้องไปหาสาวๆ ไม่ต้องใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย อยู่กับบ้านให้เมียและลูกปรนนิบัติจะดีกว่า"
โบราณกล่าวว่า ถ้าพ่อแม่ป่วยนาน จะหาลูกที่กตัญญูอย่างแท้จริงไม่ได้ ต่อมานายหวังต้องช่วยเหลือตัวเองเป็นประจำ โดยเฉพาะเรื่องปากเรื่องท้องค่อนข้างจะมีปัญหาและลำบากมาก เพราะปกติของที่ตัวเองชอบกินก็ไม่ได้กิน บางครั้งเมียหลวงยังพูดจาถากถางให้เสียใจเล่น เช่น ด่ๅว่า
"ไอ้บอดมีข้าวสามมื้อให้กินก็นับว่าบุญแล้ว ไม่ให้ออกไปขอทานข้างนอกก็บุญหนักหนา ยังนึกอยากจะเสพสุขอะไรอีก"
นับวันเมียหลวงก็ยิ่งด่ๅรุนแรงมากขึ้น เมียหลวงมักจะพูดว่า "ค้าขายก็ยุ่งพออยู่แล้ว ยังจะมาปรนนิบัติรับใช้คนตาบอดพิกลพิการอีก ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อทรมๅนอีกทำไม น่าจะตๅยไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด"
ต่อมาลูกสาวก็ร่วมมือกับแม่ ช่วยกันด่ๅนายหวัง บางครั้งสองแม่ลูกก็พูดจาถากถาง บางครั้งก็หัวเราะเยาะใส่ บางครั้งนายหวังกินข้าวไม่อิ่มและอยากจะขอข้าวเพิ่ม เมียและลูกสาวไม่ยอมตักข้าวให้ บางมื้อเมียและลูกร่วมกินข้าวกับนายหวัง พอนายหวังจะคีบกับข้าว เมียก็แกล้งเอาจานกับข้าวออก นายหวังตักกับข้าวไม่ถึง เมียและลูกก็หัวเราะชอบใจอย่างมีความสุข
นายหวังพอรู้ว่าถูกเมียและลูกกลั่นแกล้งก็น้อยใจ ลุกขึ้นไม่กินข้าว ถึงนายหวังไม่ได้กินข้าว เมียและลูกก็ไม่สนใจ นายหวังจึงต้องอดทนและกล้ำกลืนน้ำตา ได้แต่ถอนใจและพูดกับเมียและลูกว่า
"พวกเธอไม่รู้หรอกว่า คนพิการมันทรมๅนแค่ไหน สักวันหนึ่งถ้าพวกเธอพิการบ้าง จะรู้ว่ารสชาติมันขมขื่นอย่างไร"
คำพูดนี้ฟังดูแล้วแสนธรรมดา แต่เมื่อมาพิจารณาให้ดีแล้วเหมือนคำสาปแช่ง แม่ลูกทั้งสองฟังแล้วไม่รู้สึกอะไรและไม่คิดจะสำนึกผิด บางมื้อพอกินข้าวด้วยกัน แม่ก็เอาตะเกียบตีหัวนายหวัง พอลูกสาวเห็นก็หัวเราะชอบใจ ทุกๆ ครั้งที่ถูกลูกและเมียกลั่นแกล้ง นายหวังจะพูดเสมอว่า
"สักวันหนึ่งพวกเธอพิการจะรู้ว่า คนพิการทางตามันเจ็บปวดแค่ไหน"
ฟ้าดินย่อมทรงความยุติธรรมเสมอ เมื่อนายหวังอายุได้ ๔๗ ปี เช้าวันหนึ่งเมียนายหวังตื่นนอนตอนเช้าออกไปล้างหน้า ปรากฏว่าลูกตาทั้งสองข้างพร่ามัวมองไม่เห็นอะไรเลย เมียตกใจร้องจนสุดเสียง ลูกสาวจึงรีบวิ่งมาดูแล้วจึงส่งแม่ไปโรงพยาบาล หมอตรวจเช็คดูปรากฏว่าประสาทตาขาด แล้วตาจะต้องบอดตลอดชีวิต หมอช่วยอะไรไม่ได้
ตอนนั้นลูกสาวอายุได้ ๒๘ ปี รู้สึกกลัวเรื่องกฏแห่งกรรมขึ้นมาทันที คิดว่าคำสาปแช่งของพ่อจะต้องเป็นความจริง จึงนึกในใจว่าปีหน้านี้จะปิดร้านค้า เงินทองที่สะสมมาได้จะไปตั้งตัวที่กรุงเทพฯ และจะแต่งงาน ถ้าลูกสาวสำนึกผิดและตอบแทนพระคุณของพ่อก็อาจจะมีชีวิตและความเป็นอยู่ดีขึ้น แต่นี่กลับคิดหนีเอาตัวรอด การไม่รู้จักบุญคุณของพ่อแม่ถือว่าเป็นบาป เวรกรรมจะต้องตามสนองแน่นอน
เมื่อปลายปีนั้นนั่นเองลูกสาวก็ตาบอดเหมือนพ่อแม่ ดังนั้น กฏแห่งกรรมจึงมีจริง เมื่อลูกและเมียได้พิการทางตาจึงได้รู้ว่า มิควรกลั่นแกล้งและหัวเราะเยาะนายหวังเช่นนั้นเลย...และนี่ก็คืออีกหนึ่งเรื่องเล่ากฎแห่งกรรมที่อยากนำเสนอในวันนี้
ว่ากันว่า ดีงูที่กินลงไปจะทำให้ตาสว่างเหมือนตาแมงกลางคืน มืดอย่างไรก็มองเห็นชัดเจนเหมือนตอนกลางวัน ฉะนั้น นายหวังจึงพยายามทำความรู้จักกับชาวบ้านชนบท เพื่อที่จะให้พวกเขาเหล่านั้นจับงูพิษมาให้แล้ว ตัวเองจะได้กินดีงู
นายหวังอยู่ทางภาคเหนือในตำบลเล็กๆ แห่งหนึ่ง เขามีอาชีพขายดินให้ชาวนา จึงมีโอกาสรู้จักกับชาวนาแถบชนบทมากยิ่งขึ้น เพียงไม่กี่วันก็มีชาวนานำงูพิษมาขายให้นายหวัง
นายหวังยังได้รู้จักกับผู้มีฝีมือในการล้วงดีงู เขาสามารถล้วงเอาดีงูออกมาได้โดยที่งูตัวนั้นไม่ตๅย ประวัติของคนล้วงดีงูนั้น สมัยก่อนเป็นคนเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ พร้อมกับภรรยาและลูก มีอาชีพจับงูทุกชนิดและเอามาทำยา ถ้าเป็นภาคใต้ทุกคนจะรู้จักชื่อ นายหลี่ ปาสู่ ซึ่งมีอาชีพจับงู เป็นคนที่มีชื่อเสียงมากในทางนี้
แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่ภรรยาและลูกของนายหลี่ถูกงูกัดตๅย ทำให้นายหลี่อับอายขายหน้าชาวบ้าน ไม่กล้าอยู่ทางภาตใต้ต่อไป จึงได้ไปอยู่ภาคเหนือ มีอาชีพจับงูและล้วงดีงูให้นายหวังเป็นประจำเพื่อได้เงินมาประทังชีวิต
นายหลี่มีความชำนาญมาก ขนาดหลับตายังสามารถใช้มีดปลายแหลมแทงให้ตรงจุด แล้วล้วงเอาดีงูออกมาได้ทุกครั้ง นายหวังจะต้องเตรียมเหล้าไว้ครึ่งแก้ว พอได้ดีงูมานายหวังจะใส่ปากแล้วดื่มเหล้ากลืนลงไป งูตัวนั้นจะถูกมัดด้วยเชือก เมื่อดีงูถูกล้วง หางงูก็จะกระดิกดิ้นด้วยความเจ็บปวด โบราณว่างูมีพิษร้าย แต่จิตใจมนุษย์มีพิษร้ายกว่างู
เมื่องูตัวนี้ถูกล้วงดีงูแล้ว นายหวังได้กินดีงูลงไป นายหวังจะยกงูตัวนี้ให้กับนายหลี่ นายหลี่เมื่อได้งูมาจึงฆ่ๅงูทิ้งและนำหนังงูไปตากแห้ง สำหรับเนื้องูจะนำไปขายที่ห้องอาหารมีชื่อ ทางร้านอาหารจะนำเนื้องูไปปรุงเป็นอาหารด้วยรสชาติอันโอชา ดังนั้นถึงแม้นายหลี่จะขายเนื้องูให้ห้องอาหารด้วยราคาแพง เจ้าของก็จะซื้อ เพราะปรุงออกมาเป็นอาหารแล้วรสชาติกลมกล่อม หลายๆ คนจึงนิยมกินเนื้องู
นายหวังมาคิดคำนวณดูว่า ตนเองเป็นผู้เสียเงินซื้องูมา ได้กินแต่ดีงู ส่วนนายหลี่ได้เอาเนื้องูและหนังงูไปขายด้วยราคาสูง ในความรู้สึกของพ่อค้าอย่างนายหวังรู้ได้ทันทีว่าตนเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะดูแล้วนายหลี่ล้วงดีงูง่ายนิดเดียว เพียงแต่เอาเชือกใหญ่มัดงูไว้แล้วใช้มีดปลายแหลมแทงลง นับจากลำคอลงไปประมาณ ๗ นิ้ว ก็สามารถล้วงเอาดีงูออกมาได้ หนังงูก็มีค่า เนื้องูทุกคนก็ชอบกิน ได้กำไรมากมาย
การขายงูตัวหนึ่งที่ไม่มีดีงูนั้น เงินที่ได้มาก็นำไปซื้องูได้อีกตัว มีทั้งดีงูและหนัง ดีงูเก็บไว้กินเอง หนังงูเก็บไว้ขายราคาก็ดี เนื้องูขายให้ห้องอาหาร การค้าอย่างนี้ตนน่าจะทำเอง เมื่อคิดได้อย่างนั้น นายหวังจึงคิดฆ่ๅงูเอง และตัวเองจะได้กินดีงูฟรีๆ
สมัยนั้นนายหวังอายุได้ ๓๙ ปี เรียกได้ว่าอยู่ในวัยหนุ่มใหญ่มีร่างกายแข็งแรง หลายปีมานี้ได้กินดีงูได้ดื่มเลือดสดๆ ของงู นายหวังจึงมีพละกำลังมาก ใครๆ เชื่อว่าเลือดสดๆ ของงูถ้ากินได้จะชูกำลังดีและสามารถรักษาโรคปวดไขข้อได้ เพราะเหตุนี้ถึงแม้นายหวังจะมีลูกและภรรยาแล้ว แต่ก็ดูเป็นหนุ่มกระชุ่มกระชวย
หลายปีมานี้การค้าก็ดีมีกำไรมากมาย จึงทำให้นายหวังร่ำรวย นายหวังจึงได้มีเมียน้อย ๓ คน เมียน้อยเหล่านี้ล้วนเป็นเด็กสาวและเป็นลูกสาวของคนงานทั้งสิ้น นายหวังจะต้องออกไปทำการค้าประจำ ไปครั้งละหลายๆ วัน จึงได้มีเมียน้อยหลายคน
เขาได้เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ต่อมาทุกคนรู้ว่านายหวังมีเมียหลายคน รวมทั้งลูกและภรรยาก็รู้เรื่องนี้ด้วย ทางเมียหลวงจึงได้วางระบบครอบครัวใหม่ เมียหลวงจะเป็นผู้คุมการเงิน และให้ลูกสาวดูแลผลประโยชน์และบัญชี
เมื่อเมียควบคุมการเงิน นายหวังจึงมีค่าใช้จ่ายน้อยลง เดือนแรกนายหวังยังไม่เดือดร้อนในเรื่องการเงิน ยังคงไปมาหาสู่เมียน้อยทั้ง ๓ คนอย่างมีความสุข แต่พอเงินไม่ถึงเมียน้อยคนที่ ๑ ก็เลยตีตัวออกห่าง โดยแอบเอาเงินที่นายหวังให้มาปรนเปรอชายหนุ่ม เดี๋ยวนี้นายหวังไม่ค่อยมีเงินให้เมียน้อย เมียน้อยคนที่ ๑ จึงได้หนีตามผู้ชายไป
ส่วนเมียน้อยคนที่ ๒ ได้เอาเงินที่นายหวังให้ส่งเสียคนรักเรียนมหาวิทยาลัยจนจบ ช่วงนี้นายหวังตกต่ำมาก ฐานะไม่ดีเหมือนแต่ก่อน เมียน้อยคนที่ ๒ จึงได้หนีตามคู่รักไปอยู่ที่กรุงเทพฯ
สำหรับเมียน้อยคนที่ ๓ ถึงแม้ไม่มีชายหนุ่มมาติดพัน แต่ก็ไม่อยู่กินกับนายหวังอีกต่อไป ทุกครั้งที่นายหวังมาหาจะคอยหลบหน้าเสมอ สุดท้ายพี่น้องของเมียน้อยคนที่ ๓ ต้องออกมาพูดกับนายหวังให้รู้เรื่อง โดยบอกให้นายหวังอย่าได้มายุ่งกับน้องสาวอีกต่อไป เพราะน้องสาวกำลังจะเตรียมตัวแต่งงานใหม่ นายหวังรู้สึกผิดหวังและปวดร้าวใจมาก จึงได้ดื่มเหล้าเป็นประจำด้วยความขมขื่นใจ
ในปีนั้นนายหวังอายุได้ ๔๒ ปี มีอยู่วันหนึ่งนายหวังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ จู่ๆ ตาก็พร่ามัวมองไม่ชัดเจน นายหวังจึงรีบเอาน้ำมาลูบตาแล้วก็หยอดตา หลังจากนั้นจึงได้เอาหนังสือพิมพ์ที่อ่านค้างอยู่ปิดหน้าแล้วหลับไป หลังจากตื่นขึ้นมานายหวังก็ร้องเอะอะโวยวาย เสียงร้องของนายหวังทำให้ภรรยาและลูกต้องรีบเข้ามาดู ก็ได้เห็นนายหวังมีอาการตะเกียกตะกาย สองตาเบิกโพลงเหมือนเห็นสิ่งที่น่ากลัวอยู่ตรงหน้า ปากก็พูดว่า
"ตอนนี้ฉันมองอะไรไม่เห็น มีแต่ความมืดมิด"
ให้ลูกสาวช่วยพยุงออกไปข้างนอก จ้างรถไปส่งที่โรงพยาบาล เมื่อไปถึงโรงพยาบาลหมอก็ทำการตรวจ ผลปรากฏว่า เส้นประสาทตาขาด ถึงจะมีลูกตาดำทั้งสองข้าง แต่ก็มองไม่เห็นอะไรอีก
เมื่ออดีตนายหวังดื่มเลือดงูเป็นประจำและมีภรรยาถึง ๓ คน แต่ว่าบัดนี้ชีวิตของนายหวังล้มเหลว ชีวิตของเขายังจะต้องได้รับความทุกข์ทรมๅนอีก นายหวังคิดจะฆ่ๅตัวตๅยหลายครั้ง คิดว่าถึงมีชีวิตอยู่จะต้องทุกข์ทรมๅน เพราะมองไม่เห็น สู้ตๅยไปเสียจะดีกว่า แต่ทุกครั้งที่นายหวังคิดจะฆ่ๅตัวตๅยก็มีคนมาช่วยไว้ทัน นายหวังยังพูดกับเมียหลวงว่า
"ก็ดีเหมือนกันที่ฉันตาบอดจะได้ไม่ต้องไปหาสาวๆ ไม่ต้องใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย อยู่กับบ้านให้เมียและลูกปรนนิบัติจะดีกว่า"
โบราณกล่าวว่า ถ้าพ่อแม่ป่วยนาน จะหาลูกที่กตัญญูอย่างแท้จริงไม่ได้ ต่อมานายหวังต้องช่วยเหลือตัวเองเป็นประจำ โดยเฉพาะเรื่องปากเรื่องท้องค่อนข้างจะมีปัญหาและลำบากมาก เพราะปกติของที่ตัวเองชอบกินก็ไม่ได้กิน บางครั้งเมียหลวงยังพูดจาถากถางให้เสียใจเล่น เช่น ด่ๅว่า
"ไอ้บอดมีข้าวสามมื้อให้กินก็นับว่าบุญแล้ว ไม่ให้ออกไปขอทานข้างนอกก็บุญหนักหนา ยังนึกอยากจะเสพสุขอะไรอีก"
นับวันเมียหลวงก็ยิ่งด่ๅรุนแรงมากขึ้น เมียหลวงมักจะพูดว่า "ค้าขายก็ยุ่งพออยู่แล้ว ยังจะมาปรนนิบัติรับใช้คนตาบอดพิกลพิการอีก ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อทรมๅนอีกทำไม น่าจะตๅยไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด"
ต่อมาลูกสาวก็ร่วมมือกับแม่ ช่วยกันด่ๅนายหวัง บางครั้งสองแม่ลูกก็พูดจาถากถาง บางครั้งก็หัวเราะเยาะใส่ บางครั้งนายหวังกินข้าวไม่อิ่มและอยากจะขอข้าวเพิ่ม เมียและลูกสาวไม่ยอมตักข้าวให้ บางมื้อเมียและลูกร่วมกินข้าวกับนายหวัง พอนายหวังจะคีบกับข้าว เมียก็แกล้งเอาจานกับข้าวออก นายหวังตักกับข้าวไม่ถึง เมียและลูกก็หัวเราะชอบใจอย่างมีความสุข
นายหวังพอรู้ว่าถูกเมียและลูกกลั่นแกล้งก็น้อยใจ ลุกขึ้นไม่กินข้าว ถึงนายหวังไม่ได้กินข้าว เมียและลูกก็ไม่สนใจ นายหวังจึงต้องอดทนและกล้ำกลืนน้ำตา ได้แต่ถอนใจและพูดกับเมียและลูกว่า
"พวกเธอไม่รู้หรอกว่า คนพิการมันทรมๅนแค่ไหน สักวันหนึ่งถ้าพวกเธอพิการบ้าง จะรู้ว่ารสชาติมันขมขื่นอย่างไร"
คำพูดนี้ฟังดูแล้วแสนธรรมดา แต่เมื่อมาพิจารณาให้ดีแล้วเหมือนคำสาปแช่ง แม่ลูกทั้งสองฟังแล้วไม่รู้สึกอะไรและไม่คิดจะสำนึกผิด บางมื้อพอกินข้าวด้วยกัน แม่ก็เอาตะเกียบตีหัวนายหวัง พอลูกสาวเห็นก็หัวเราะชอบใจ ทุกๆ ครั้งที่ถูกลูกและเมียกลั่นแกล้ง นายหวังจะพูดเสมอว่า
"สักวันหนึ่งพวกเธอพิการจะรู้ว่า คนพิการทางตามันเจ็บปวดแค่ไหน"
ฟ้าดินย่อมทรงความยุติธรรมเสมอ เมื่อนายหวังอายุได้ ๔๗ ปี เช้าวันหนึ่งเมียนายหวังตื่นนอนตอนเช้าออกไปล้างหน้า ปรากฏว่าลูกตาทั้งสองข้างพร่ามัวมองไม่เห็นอะไรเลย เมียตกใจร้องจนสุดเสียง ลูกสาวจึงรีบวิ่งมาดูแล้วจึงส่งแม่ไปโรงพยาบาล หมอตรวจเช็คดูปรากฏว่าประสาทตาขาด แล้วตาจะต้องบอดตลอดชีวิต หมอช่วยอะไรไม่ได้
ตอนนั้นลูกสาวอายุได้ ๒๘ ปี รู้สึกกลัวเรื่องกฏแห่งกรรมขึ้นมาทันที คิดว่าคำสาปแช่งของพ่อจะต้องเป็นความจริง จึงนึกในใจว่าปีหน้านี้จะปิดร้านค้า เงินทองที่สะสมมาได้จะไปตั้งตัวที่กรุงเทพฯ และจะแต่งงาน ถ้าลูกสาวสำนึกผิดและตอบแทนพระคุณของพ่อก็อาจจะมีชีวิตและความเป็นอยู่ดีขึ้น แต่นี่กลับคิดหนีเอาตัวรอด การไม่รู้จักบุญคุณของพ่อแม่ถือว่าเป็นบาป เวรกรรมจะต้องตามสนองแน่นอน
เมื่อปลายปีนั้นนั่นเองลูกสาวก็ตาบอดเหมือนพ่อแม่ ดังนั้น กฏแห่งกรรมจึงมีจริง เมื่อลูกและเมียได้พิการทางตาจึงได้รู้ว่า มิควรกลั่นแกล้งและหัวเราะเยาะนายหวังเช่นนั้นเลย...และนี่ก็คืออีกหนึ่งเรื่องเล่ากฎแห่งกรรมที่อยากนำเสนอในวันนี้
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!