โรงเรียนอาถรรพ์


โรงเรียนอาถรรพ์

"ในห้องมีกระจก"


สวัสดีครับคุณเดอะฮัท จำผมได้มัย ผมดิสกี้ไง คือตอนนี้ว่าง ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้รอนาน จำเรืองที่ผมเคยเล่าให้ฟังได้มั้ย ผมจะเล่าต่อนะ เอาเป็นว่า เริ่มแต่แรกเลยละกัน เมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว ผมเรียนอยู่ชั้นปวช. 2 ที่โรงเรียนเอกชนชื่อดังของจังหวัด และได้รับคัดเลือกเข้าเป็นนักกีฬาของโรงเรียน เป็นการเต้นประเภทหนึ่ง ก็เรื่มซ้อมเรื่อยมา จนกระทั่งก่อนการแข่งขัน 1 เดือน ต้องมีการนอนโรงเรียนเพื่อเก็บตัว ตอนแรก ๆ ก็ไม่มีอะไร

แต่พอ 1-2 อาทิตย์ก่อนการแข่งขัน มีอยู่คืนหนึ่งตอนที่กำลังซ้อมอยู่ ต้องบอกก่อนว่า การเต้นประเภทนี้ มีอยู่ 2 แบบ คือเต้นแบบเร็ว และแบบช้า ผมต้องเต้นทั้งสองแบบ แต่มีบางคนเต้นแบบเร็วแค่แบบเดียว หนึ่งในนั้นก็คือ อ๊อฟ(ผู้หญิง) คือตอนนั้นผมซ้อมเต้นแบบช้าอยู่ แล้วอ๊อฟเขาอยากซ้อมบ้าง ซึ่งผมก็บอกให้รออีกนิดเดียว จะจบแล้ว แต่เขาไม่ฟัง จะซ้อมให้ได้ เลยหิ้วเทป(วิทยุเทปมี 2 เครื่อง) ไปอีกห้องหนึ่ง ซึ่งอยู่ติดกับห้องที่ผมซ้อมอยู่ (คือ ห้องทั้ง 2 ห้อง ห้องผมและห้องที่อ๊อฟเข้าไป มีด้านหนึ่งที่เป็นกำแพงเดียวกันที่เชื่อมต่อกัน และเป็นกระจกใส) ทำให้ผมมองเห็นภายในห้องที่อ๊อฟเข้าไปได้อย่างชัดเจน



"ผู้หญิงผมยาวตาถลน"


และห้องนั้นก็ยังปิดไฟอยู่ ผมและทุกคนเลยไม่ได้สนใจและซ้อมกันต่อ ซักแผ๊บเดียว ได้ยินเสียงกรี๊ดของอ๊อฟดังลั่น พอหันไปดู เห็นอ๊อฟหงายหลังร่วงลงมาจากโต๊ะ เลยวิ่งกันเข้าไปดู อ๊อฟสลบไปเลย พอฟื้น ก็เอาแต่ร้องไห้และก็เล่าให้ผมและเพื่อนฟังว่า ตอนที่เดินเข้ามาในห้อง เห็นม่านที่ปิดกระจกที่มองออกไปข้างนอกตึกมันเปิดอยู่ จึงปีนโต๊ะขึ้นไปเพื่อจะปิดม่าน แต่ยังไม่ได้เปิดไฟ ตอนทีดึงม่าน เห็นในกระจกเป็นเงาสะท้อนราง ๆ เป็นภาพผู้หญิงผมยาวตาถลน จ้องมองมาเหมือนจะกินเลือดกินเนี้อ ซึ่งหน้าของอ๊อฟกับกระจกห่างกันแค่ประมาณ 1 ฟุต อ๊อฟเลยผงะ แต่ยังไม่ร่วงลงมาจากโต๊ะ

จังหวะนั้นเอง มีความรู้สึกเหมือนมีมือมาจับที่ข้อเท้าแล้วกระชากจนร่วงลงมาที่พื้น พอเล่าจบ ทุกคนเลยเลิกซ้อมกันและอาบนำเตรียมเข้านอน พอเด็ก ๆ อาบเสร็จ ก็เป็นคิวของอาจารย์ (ผู้หญิง)อาบบ้าง ตอนอาจารย์อาบ อุ๊(ผู้หญิง) คิดว่าในห้องน้ำเป็นเพือนเขา เลยแกล้งด้วยการปิดไฟหลายครั้ง จนอาจารย์โกรธมาก เลยลงโทษโดยการให้อุ๊ลงไปวิ่งรอบสนามตอนนี้นก็ประมาณ 5 ทุ่มแล้ว และก็มืดมากด้วย และเราก็อยู่ชั้น 5 (ตึก 6)กัน อุ๊ลงไปวิ่งคนเดียว พอวิ่งเสร็จก็นั่งร้องไห้อยู่ข้างล่าง เพราะเสียใจที่อาจารย์ทำโทษ พวกเราประมาณ 6-7 คน รวมผมด้วย เลยลงไปตามให้ขึ้นมานอนได้แล้ว เพราะอาจารย์หลับแล้ว ตอนที่กำลังปลอบอุ๊อยู่นั้น พี่อ้น(ผู้หญิง) เกิดอยากโทรศัพท์หาแฟน



"กลิ่นเหม็นเน่าลอยมาจากโรงอาหาร"


และจะโทรใต้ตัก 6 แต่พี่ต่อ(ผู้ชาย) บอกว่าให้ไปโทรใต้ตึก 4 เพราะตึก 6 โทรศัพท์เสีย พี่อ้นเลยชวนไนท์ (ผู้ชาย) ไปเป็นเพื่อน ซักพัก พอปลอบอุ๊จนดีขึ้นแล้ว ก็กำลังจะขึ้นตึกกัน ก็ให้พี่ต่อเดินไปตามพี่อ้นกับไนท์ ที่ต่อหายไปไม่ถึง 5 นาที ก็ได้ยินเสียงกรี๊ดของ 3 คนนั้นลั่นเลย และก็พร้อมใจกันวิ่งออกมา พี่อ้นกับพี่ต่อวิ่งขึ้นไปข้างบนตึก 6 เลย แต่ไนท์วิ่งมาหาผม แล้วระเบิดเสียงร้องไห้ออกมาดังมาก พูดก็ไม่รู้เรื่อง เลยพากันขึ้นไปข้างบน พอถึงข้างบน พี่ด้นเลยเล่าให้ไงว่า ตอนที่โทรศัพท์อยู่ ได้กลิ่นเหม็นเน่าลอยออกมาจากโรงอาหาร(โรงอาหารจะอยู่หบังตึก 4 คือ ยืนใต้ตึก 4 ก็จะมองเห็นภายในโรงอาหารได้อย่างชัดเจน) หลังจากนั้น เขาทั่ง 3 คน ก็หันมามองหน้ากัน แล้ววิ่ง

พี่อ้นวิ่งเป็นคนสุดท้าย แล้วพี่อ้นก็เล่าต่อว่า พอวิ่งอ้อมมุมตกมาได้แป๊บเดียว ได้ยินเสียงหูโทรศัพท์ที่เขาโทรเมื่อสักครู่ มันดังขึ้นมา เหมือนมีคนจับกระแทกกับตัวเครื่อง คนอื่นๆ เขาก็เถียงกันว่า พี่อ้นรีบ อาจทำให้วางหูโทรศัพท์ไม่เข้าที่ และอาจร่วงลงมาโดนเข้ากับตัวเครื่องก็ได้ เมื่อเถียงกันหนักขึ้น พี่สา(ผู้ชาย) ก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้น ก็ลงไปดูมันทุกคนนี่แหละ จะได้เลิกเถียงกัน พวกเราก็เลยเดินเบียดกันลงไปดู ความจริงระยะทางมีนไม่ไกลหรอก แต่เราเดินกันช้ามาก พอไปยืนจุดที่พี่อ้นโทรศัพท์ พวกผมก็ยืนเกาะกลุ่มกันซึ่งผมจะยืนใกล้าเครื่องโทรศัพท์มากที่สุด สรุปแล้ว หูโทรศัพท์ก็ยังวางอยู่ในที่ของมัน คืออยู่บนตัวเครื่อง และไม่ได้ร่วงลงมากระทบกับตัวเครื่อง ตัวผมเองมองไปทางเครื่องโทรศัพท์



"ผู้หญิงใส่กระโปรงสีครีม"


แล้วทันใดนั้น ก็เห็นเป็นเงาของมือใครไม่รู้จับอยู่ที่หูโทรศัพท์ ตอนแรกผมก็หันหน้าไปทางอื่น คือใจมันหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว และก็ภาวนาขอให้มันไม่ใช่ ขอให้ตาฝาด แล้วผมก็หันกลับไปมองอีกที แต่มันยังอยู่ มันเป็นเงาที่มีน้ำหนัก มันดำมืดมาก และมีแค่มือถึงข้อมือเท่านั้น ไม่มีส่วนอื่นของร่างกาย ซึ่งตัวผมกับโทรศัพท์นั้นห่างกันไม่เกิน 2 เมตร แต่ผมก็เงียบ ไม่กระโตกกระตากโวยวาย เพราะมันช็อกไปแล้ว จากนั้น ก็มีกลิ่นหนึ่ง ลอยมาปรทะกับจมูก เป็นกลิ่นดอกไม้ที่ชวนให้ขนลุก กลิ่นมันหอมเย็น ๆ แบบบอกไม่ถูก และพวกเราก็ลยตัดสินใจที่จะขึ้นข้างบน สีหน้าของทุกคน บอกได้คำเดียวว่าเครียดมาก

พวกเราเกาะกลุ่มเดินไป พี่เป็ด(ผู้ชาย) ก็หันไปมองเห็นพี่สา ยืนอยู่หน้าทางเข้าโรงอาหาร พี่สามองไปทางร้านค้าร้านหนึ่งซึ่งเป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยว แล้วตาค้างแบบตะลึง พี่เป็ดจึงร้องเรียกพี่สา พี่สาหันมาน้ำตาคลอเบ้า หน้าถอดสี แล้วบอกพี่เป็นว่า พี่ เมื่อกี้สาเห็น... แต่พี่เป็ดก็ห้ามไม่ให้พูด แล้วบอกกับทุกคนว่า ใครเจออะไร ค่อยขึ้นไปเล่าให้ฟัง พอขึ้นไป ต่างคนต่างเล่าเรื่องที่เจอมา ผมก็เล่าให้ทุกคนฟัง และพี่สาก็เล่าให้ผมและเพื่อน ๆ ฟัง เขาบอกว่า ตอนที่มองที่ร้านก๋วยเตี๋ยว บนตู้ก๋วยเตี๋ยวมันจะมีป้ายแขวนไว้บอกราคาก๋วยเตี๋ยว พี่สาเห็นผู้หญิงใส่กระโปรงสีครีม เสื้อสีขาว ผิวขาวมาก ผมประบ่า แต่มองไม่เห็นหน้า รูปร่างดีมาก ยืนเอามือตบป้ายก๋วยเตี๋ยวอยู่ ซึ่งถ้าเขายืนเฉย ๆ พี่สาอาจจะไม่เห็น



"นั่งยองๆ อยู่บนเก้าอี้"


แต่นี่เขาต้องการให้เห็น จึงเอามือตบป้าย และป้ายก็เคลื่อนไหวด้วย แต่สิ่งที่แปลกมาก คือ ผมถามทุกคนว่าใครได้กลิ่นอะไรบ้าง บางคนเขาก็ได้กลิ่นเหม็นสาบน่าสะอิดสะเอียน บางคนก็ได้กลิ่นดอกไม้แบบดอกไม้งานศพเหมือนผม บางคนไม่ได้กลิ่นอะไรเลย ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเรายืนเบียดกันอยู่ ทุกคนก็น่าจะได้กลิ่นเหมือนกัน วินาทีนั้น พี่สาหันไปมองทางด้านหลังก้องที่มีเก้าอี้พลาสติกซ้อนกันอยู่ แล้วพี่สาก็บอกให้พี่ต่อไปเอาเก้าอี้ที่ซ้อนกันอยู่นั้นแยกออกจากกัน ซึ่งพวกเราทุกคนงงกันมาก แต่พี่ต่อก็ทำตาม พี่ต่อเดินไปยกเก้าอีออก เขาบอกว่ามันหนักมาก ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเป็นแค่เก้าอี้พลาสติก พอพี่ต่อเดินมาที่กลุ่มแล้วถามว่า มีอะไรเหรอ พี่สาบอกว่า

เห็นเป็นคนมองไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย นั่งยอง ๆ อยู่บนเก้าอี้ แล้วมองมาทางเรา พอพี่ต่อยกออก คนคนนั้นก็เลยกระโดดลงมาที่พื้นและหายไปในอากาศ พอได้ยินเท่านั้น เราก็กอดกันกลมเลย และไม่มีใครยอมนอน จนมาหลับกันประมาณตี 1-2 แล้วอาจารย์ก็เรียกให้ทุกคนลงมาวอร์มข้างล่าง ตอนประมาณตี 5 ซึ่งผม นอนได้แค่แป๊บเดียว พอเราวอร์มกันเสร็จแล้ว ก็มีอาจารย์ อีกคนหนึ่ง เรียกไปดูต้นไม้ที่อยู่ริมขวาของตึก ซึ่งใบไม้ทั้งหมดของต้น ย้ำว่าทั้งหมดต้น ไม่ว่าจะเป็นใบสดหรือใบแห้ง ร่วงลงมากองที่ใต้ต้นของมัน ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก ๆ เพราะเมื่อคืนไม่มีสมเลย อากาศก็อบอ้าว พอหันไปดูต้นอื่น ก็ไม่มีต้นไหนที่ใบร่วงเลยซักต้น แล้วผมกับเพื่อนก็เลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้อาจารย์ฟัง



"เป็นอาจารย์ที่ตายไปแล้ว"


พอเล่ามาถึงตอนที่พี่สาเห็นผู้หญิงเอามือปัดป้าย โดยที่ยังไม่ได้บอกรูปพรรณสัณฐาน อาจารย์ก็บอกว่า เดี๋ยวก่อนนะ ผู้หญิงรูปร่างสวย ผมประบ่าใช่มั่ย ใส่เสื้อสีขาวใช่มั้ย พวกเราก็เลยงงกันมาก แล้วอาจารย์ก็บอกว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นอาจารย์อีกคนหนึ่งซึ่งตายไปแล้วเมื่อหลายปีที่ผ่านมา และก็มีคนเห็นบ่อย อาจารย์คนนี้ เป็นคนที่สวยมาก แต่เขาเป็นโรคหอบหืด และเสียชีวิตที่โรงเรียนนี้แหละ และอาจารย์เขาก็บอกว่า เมื่อคืนเป็นอะไรกัน ไม่หลับไม่นอน ต่ 2 ตี 3 มาลากเก้าอี้เล่นกลางห้อง อาจารย์ได้ยิน ผมก็เลยมองหน้าเพื่อนทุกคน ก็ตอนนั้น เรานอนกันหมดแล้ว และคงไมมีใคร มีกระจิตกระใจ จะมาลากเก้าอื้เล่นกันหรอก อาจารย์บอกว่าเสียงเก้าอี้ลาก ประมาณ 10 นาที ลากไปลากมา

หลังจากนั้น พี่สาก็มาเฉลยว่า ทำไมเขาถึงได้เป็นอะไรมากมายขนาดนั้น เขาบอกว่า เมื่อก่อน ปู่กับพ่อของเขาเคยเป็นหมอใสยศาสตร์มาก่อน เลยทำให้เขาเห็นอะไรแปลก ๆ มาตลอด และนี่ก็เป็นเรื่องราวทั้งหมดของผมครับ น่ากลัวมั้ย แค่นี้ก่อนนะครับ บายครับ



แหล่งข้อมูล : บอร์ดรวมเรื่องสยองขวัญ


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์