แดนสนธยา
"พิมพ์หทัย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากห้องไอซียู
คุณเคยได้ยินคำว่า "เกรย์ แอเรีย" ไหมคะ? แปลกันตรงตัวก็คือ "พื้นที่สีเทา" แต่จริงๆ แล้วมันมีความหมายที่ลึกลับ มหัศจรรย์ น่าขนลุกมาก...ดิฉันยังนึกไม่ออกว่าจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี...ใกล้เคียงที่สุดเห็นจะเป็นคำว่า "แดนสนธยา"
ราวสี่สิบปีก่อนมีภาพยนตร์ชุด
ฉายทางโทรทัศน์ชื่อว่ารายการ "ทไวไลต์โซน" หรือ "แดนสนธยา" ผู้คนทั่วโลกติดกันงอมแงม...สนุกมากค่ะ ตอนหนึ่งๆ จะมี 3-4 เรื่องล้วนแต่เป็นเรื่องแปลกประหลาด น่าตื่นเต้น ทั้งผีสางนางไม้ มนุษย์ต่างดาวและปรากฏการณ์อันเหลือเชื่อ เช่นกลับไปสู่อดีต หรือหลุดเข้าไปอยู่ในอนาคต
สำหรับ "เกรย์ แอเรีย" ที่ดิฉันจะนำมาเล่าในวันนี้ก็มีความหมายแบบนั้นละค่ะ คำคำนี้พวกที่สนใจเรื่องเหนือธรรมชาติทั้งหลายจะรู้จักดี
...มันหมายถึงเขตแดน
ช่วงรอยต่อระหว่างความเป็นกับความตาย โลกแห่งความจริงกับจินตนาการ ความเป็นพืชกับความเป็นสัตว์ ช่วงขณะของการตื่นกับหลับ กลางวันต่อกลางคืน มิติของมนุษย์กับวิญญาณ เป็นต้น
ว่ากันว่า ในดินแดนเร้นลับของ "เกรย์ แอเรีย"
นี้มักจะมีปรากฏการณ์ประหลาดๆ เกิดขึ้นได้เสมอ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดว่ามันเป็นไงมาไงกันแน่ อย่างเช่น ความเร้นลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า, ผ้าห่อพระศพแห่งตูริน, มักกะลีผล ฯลฯ
เรื่องราวเหล่านี้นักวิทยาศาสตร์ยังงงๆ อยู่เลยค่ะ!
ดิฉันไม่ได้เอ่ยถึงการถูกผีอำ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ในช่วงระหว่างการตื่นกับหลับ เพราะมีข้อโต้แย้งว่าอาจเกิดจากการนอนทับเส้นเลือด เส้นประสาท ผสมผสานกับจินตนาการของตัวคนโดนอำ ทำให้เห็นภาพ ได้ยินเสียงไปต่างๆ นานา เห็นเงาดำๆ มาทับอกก็มี เราไม่รู้อันไหนคิดไปเอง สมองเล่นกลหรือโดนจริงๆ
แต่เชื่อเถอะค่ะว่าเราทุกคนเคยได้ก้าวล้ำเข้าไปใน "แดนสนธยา"
กันมาแล้วอย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งในชีวิต เรื่องผีทั้งหลายแหล่ที่เล่าๆ กันมานั่นก็ใช่
ไม่ผีก็เราละค่ะที่ล้ำแดนเข้ามาจ๊ะเอ๋กัน!
เรื่องบางเรื่องเราก็นึกไม่ถึงว่ามันเป็น "เกรย์ แอเรีย" อย่างเด็กที่ยังอยู่ในครรภ์ และผู้ป่วยหนักที่อยู่ในเครื่องช่วยหายใจ ชนิดที่น่าจะตายไปนานแล้ว แต่ญาติก็ยังไม่ยอมให้ตาย หรือพวกที่ร่างกายเสียหายอย่างหนักแต่ไม่ถึงตาย ทว่ากลายเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิงนิทรา...คุณเคยคิดไหมคะว่าพวกเขาอยู่ในภาวะอย่างไร? ถ้าวิญญาณมีจริง วิญญาณเขาอยู่ที่ไหน? หรือวนเวียนอยู่แถวๆ นั้น?
คนพวกนี้คือคนที่กำลังอยู่ใน "เกรย์ แอเรีย" อย่างแท้จริง!
ดิฉันเป็นพยาบาลประจำห้องไอซียูโรงพยาบาลที่ได้ชื่อว่าทันสมัยที่สุดในกรุงเทพฯ หน้าที่การงานทำให้ได้ดูแลผู้ป่วยที่อาการหนักเป็นร้อยๆ ราย มีทั้งเด็กเล็กๆ ตั้งแต่แบเบาะ เด็กวัยรุ่นไปจนถึงหนุ่มสาวและผู้เฒ่าผู้แก่ บางคนอาการเพียบแล้วค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับจนหายสนิท คุณหมออนุญาตให้กลับบ้านได้
และมีอีกหลายต่อหลายคนที่ต้องอยู่ในเครื่องพยุงชีพ
เพราะญาติๆ ทำใจให้เขาจากไปไม่ได้ เรียกว่ายื้อยุดฉุดรั้งไว้จนร่างกายทนไม่ไหวจริงๆ ค่อยๆ ตายจนหมดลมหายใจทั้งที่เครื่องยังคาอยู่อย่างนั้น
คนไข้รายหนึ่งเป็นสุภาพสตรีที่ร่ำรวยและน่ารักมาก เธออายุเกือบหกสิบปีแล้วละค่ะ ลูกๆ แต่งงานมีหลานๆ ตัวเล็กๆ ให้ชื่นใจ...ชีวิตของเธอมีแต่สิ่งดีงาม สามีรักเธอมาก มาเฝ้าไม่ยอมห่าง มีเพื่อนฝูงมาเยี่ยมไม่ขาดระยะ
ธอเป็นมะเร็งค่ะ มารักษาตัวที่นี่ได้สามเดือน
ไม่นานโรคร้ายก็คุกคามจนร่างกายโทรมลงๆ ในที่สุดก็ต้องใส่สายให้อาหารและเครื่องช่วยหายใจ!
ตอนดิฉันมาดูแลนั้นเธอพูดไม่ได้แล้วและอ่อนเพลียมากๆ น่าสงสารเธอที่สุด ทุกครั้งที่เข้าไปให้ยา เธอจะมองดิฉันอย่างวิงวอน คล้ายจะบอกว่า ทรมานเหลือเกิน...ปล่อยเธอไปเถอะ! บางทีเธอมองสามีเหมือนโกรธๆ ว่าเหนี่ยวรั้งเธอไว้ทำไม?
คืนหนึ่งราวๆ ตีสอง
เส้นเลือดในช่องอกเธอแตก พวกเราวิ่งกันวุ่น สามีเธอร้องไห้ราวขาดใจ ลูกเต้าถูกเรียกตัวมาอยู่รวมกัน...สุภาพสตรีที่แสนดีไม่ได้สิ้นลมตอนนั้นหรอกค่ะ เครื่องพยุงชีพทำให้เธออยู่ได้อีกหลายชั่วโมง...ญาติมิตรก็ทยอยมาดูใจกันเงียบๆ
ระหว่างการรอคอย ดิฉันต้องเข้าไปตรวจอาการ...ใช้ไฟฉายเล็กๆ ส่องม่านตาซึ่งขยายเต็มที่ และไม่สนองตอบเลย!
ขณะที่ดิฉันมองลึกเข้าไปในม่านตาที่กว้างและดำสนิท
...ฉับพลันดิฉันรู้สึกเหมือนถูกดึงให้ดำดิ่งลงไปในนั้น ในสมองได้เห็นภาพคล้ายภาพยนตร์...ภาพนั้นแจ่มชัดและมีบางอย่างที่เป็นพลังแรงกล้า บังคับให้ดิฉันเดินไปหาลูกสาวเธอ...
"บ้านของคุณสวยมากนะคะ เป็นบ้านไม้แบบโบราณอยู่ริมน้ำ"
ดิฉันพึมพำ
ลูกสาวของเธอหันมามองนิ่งอยู่พักก็บอกว่า บ้านของเธอสร้างสมัยรัชกาลที่ 7 อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ดิฉันบอกว่า ตอนนี้คุณแม่อยู่ที่บ้าน...ท่านกลับเป็นสาวอายุราวสามสิบปี แต่งกระโปรงอยู่บ้านสีฟ้าอ่อน ผมรวบตึง สวยมาก และกำลังดูแลต้นไม้ที่มีดอกสีขาวพราว หอมชื่นใจ...ท่าทางท่านสงบ สบายดีและมีความสุข
นั่นคือข่าวสารจากผู้กำลังจะสิ้นใจ ที่ขอให้ดิฉันบอกลูกสาวเธอให้ได้ จนดิฉันต้องบอก แม้ว่าใจหนึ่งกลัวว่าจะถูกมองอย่างเป็นคนเพ้อเจ้อทั้งที่เป็นพยาบาล!
ตรงข้ามเลยค่ะ ทั้งลูกๆ และสามีสนใจฟัง
ไม่มีวี่แววของการดูแคลนเพราะสิ่งที่ดิฉันเล่านั้น ถูกต้องตามความเป็นจริงทุกอย่าง...สุภาพสตรีท่านนี้รักต้นไม้ ดอกไม้ไทย...มีความสุขที่สุดที่ได้อยู่กับบ้านดูแลต้นไม้ของเธอ...เธอไปสู่สุคติแล้ว
ข่าวสารจากแดนสนธยาได้ช่วยปลอบใจให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ค่อยคลายทุกข์ที่เกิดจากความอาลัยสุดแสน...ดิฉันไม่ใช่คนทรง ไม่ได้มีสัมผัสพิเศษแต่อย่างใด ดิฉันเพียงบังเอิญก้าวล้ำเข้าไปในเขตระหว่างโลกของคนเป็นกับโลกของคนตาย เท่านั้นเอง!
แหล่งที่มา: บอร์ดรวมเรื่องผี
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!