ผีบังตา


ผีบังตา

นายโชค เชื่อลาง เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากราชวัตร


เขาว่าคนจะถูกผีหลอกมักมีลางบอกเหตุล่วงหน้า เช่น อ่อนเปลี้ยเพลียแรงบ้าง จู่ๆ ก็เกิดปวดหัวปวดท้องบ้าง ส่วนมากมักจะหงุดหงิด อารมณ์เสียง่ายๆ ได้ยินได้เห็นอะไรก็พานขวางหูขวางตาไปหมด

จิตใจฟุ้งซ่าน ขุ่นมัว ขาดสติ! นั่นแหละครับเป็นลางไม่ดี หรือเป็นส่งที่ทำให้ลมปราณแตกแยก วิญญาณต่างๆ ทั้งดีและร้ายก็จะปรากฏให้เห็นง่ายที่สุด




ผมเคยประสบกับตัวเองมาแล้วครับ!


วันเสาร์อาทิตย์หยุดงาน ผมชอบเดินออกจากบ้านในซอยเล็กๆ ริมถนนพระราม 5 ตรงข้ามวัดน้อยนพคุณ เลี้ยวซ้ายมาทางสี่แยกราชวัตร ส่วนมากจะไปซื้อผลไม้พวกส้ม, ฝรั่ง, มังคุด, แก้วมังกร ที่หน้าตลาด

น่าแปลกที่มีผลไม้ขายทุกอย่าง ไม่ว่าองุ่น, แอปเปิ้ล, สาลี่, กล้วยไข่กล้วยหอมมีทั้งนั้น ขนาด "ลูกไหน" ที่หากินยากยังมีเลยครับ แต่เชื่อหรือไม่...กล้วยน้ำว้าหายากหาลำบากที่สุด! ส่วนมากมีแตกกล้วยหวีเล็กๆ กระดำกระด่าง ทั้งสุกจนช้ำก็มี ที่ใกล้จะสุกแต่มอมแมมสุดๆ ก็มี...แสบกว่านั้นคือไม่ได้มีขายทุกวัน




ใครไม่เชื่อเชิญแวะไปดูที่แผงหน้าตลาดได้ทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์!


หลังจากแวะร้านสะดวกซื้อ ขนพวกนมขวด, น้ำผลไม้, โยเกิร์ต และหนังสือพิมพ์กรอบบ่าย 2-3 ฉบับ ผมหอบถุงพะรุงพะรังพอสมควร พวกนมสดกับโยเกิร์ตหลายๆ ขวดนี่หนักเอาการ เลยต้องเรียกตุ๊กตุ๊กไปส่งบ้าน




ราวต้นปีผมก็นั่งรถลุงหมาดบ่อยๆ จนกลายเป็นขาประจำกันไปเลย


ลุงหมาดอายุราวห้าสิบเศษ ผอมสูง ผิวดำ ไว้หนวดเฟิ้ม ตาดุ แต่อัธยาศัยดีครับ พอขึ้นปุ๊บก็ออกรถปั๊บ บึ่งไปทางสี่แยกเพื่อเลี้ยวขวาทันที ไม่ต้องเสียเวลาบอกทางกันล่ะ เพราะส่งกันบ่อยๆ จนจำบ้านผมได้




วันไหนผมซื้อของมากจนหิ้วไหล่ลู่ พอถึงหน้าบ้าน


ลุงหมาดจอดรถแล้วรีบอ้อมมาช่วยผมหิ้วของทันที ค่ารถที่เคย 10 บาทจนถึง 20 บาทตอนนี้ ผมก็ให้แก 25 บาทมั่ง 30 บาทมั่ง บางวันก็แบ่งเงาะหรือนมสดหนึ่งขวดให้แกเอาไปฝากลูก

จนกระทั่งถึงวันขนหัวลุก!




ฟ้าครึ้มมาตั้งแต่บ่ายยันเย็น


แดดหุบโดยไม่มีทีท่าว่าจะโผล่ ดูคล้ายฝนจะตกแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ตก ผมนึกได้ว่ารุ่งขึ้นเป็นวันจันทร์ แผงลอยหยุดขายหนึ่งวัน

นมหมด กล้วยน้ำว้าจวนหมด อ้อ! หมึกพิมพ์ก็หมดด้วย ผมเลยหยิบร่มเดินออกจากบ้านตอนหกโมงเย็น คิดว่าจะรีบไปรีบกลับ




แวะร้านเครื่องเขียนหรูหราที่เปิดสาขาใหม่ใกล้สี่แยก


ผลักประตูกระจกเข้าไปขอให้เติมหมึก (100 บาท) สาวคนขายกำลังยืนเม้าธ์กับเพื่อนเพลิน หันมาบอกอย่างรำคาญว่า ช้าหน่อยนะ! กว่าจะได้ก็เย็นๆ พูดเสร็จก็หันไปคุยกับเพื่อนต่อทันที

ผมถามว่าเย็นไหน? เพราะตอนนี้ก็ 6 โมงเย็นกว่าแล้ว เย็นนี้หรือเย็นพรุ่งนี้? เธอคงนึกขึ้นได้เลยหันมาทำหน้าแหยๆ บอกว่า พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ก็แล้วกัน! ผมอารมณ์บูดทันใด บอกว่าซื้อของที่นี่ตั้งแต่ร้านเก่ามาตั้งสิบกว่าปีแล้ว เพิ่งเคยได้ยินคนค้าขายพูดจาแบบนี้เป็นครั้งแรก




"อย่ามาขายเครื่องเขียนเลยหนู ไปขายเครื่องเคราอย่างอื่นเถอะ!"


แล้วผมก็ออกจากร้านทันที หน้าตาร้อนวูบวาบไปหมด...นึกอีกทีก็ไม่น่าจะไปว่าแกแรงๆ แบบนั้น! ก่อนพูดเราเป็นนาย พูดไปแล้วคำพูดก็เป็นนายเรา!




พอไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อฝั่งตลาดก็เจออีก...


กำลังหิ้วถุงจะออกจากร้านเห็นไฟฉายน่ารักแต่ติดราคาตัวนิดเดียว แถมเลอะเทอะอีกด้วย เลยหยิบให้สาวคนขายดูถามว่าราคาเท่าไหร่? เธอดูๆ แล้วร้องลั่นร้านว่า เฮ้ย! ไฟฉายนี่ราคาเท่าไหร่วะ?

ผมยั้งปากไม่อยู่ก็ร้องสวนไปว่า...ไม่รู้เหมือนกันโว้ย!




เธอหัวเราะกิ๊กกั๊ก คนอื่นๆ หันมามอง


เพื่อนคว้าไปดูแล้วบอกราคา ผมสั่นหน้า...ไม่ซื้อว่ะ! ก่อนจะผลักประตูออกก็ได้ยินเสียงเหมือนเปิดเทป...วันหลังเชิญใหม่นะคะ!

ว่าแต่วันนี้มันเป็นอะไรไปหนอ...




ไฟเริ่มเรืองรองขึ้นมาแล้ว


ผมเดินไปที่คิวรถตุ๊กตุ๊กด้านขวา เห็นลุงหมาดนั่งยองๆ คุยกับเพื่อนร่วมอาชีพบนฟุตปาธ พอเห็นผมก็ลุกปราดทันที ผมขึ้นรถได้ก็เอนหลังถอนใจ...ลางไม่ค่อยดีแฮะ!

สักพักนึกเอะใจก็เหลียวซ้ายแลขวา เอ๊ะ! ผ่านหน้ากรมสรรพสามิตไปทางวัดไพรงามนี่นา! ลุงหมาดเล่นตลกอะไรไม่ทราบ ร้องถามแกว่า...ลุงจะไปไหนน่ะ?




"อ้าว?" แกร้อง เงยหน้ามองผมทางกระจกหลัง "ตายห่...ขอโทษทีคุณ"


ความเร็วของรถทำให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยคับแคบเหลือเชื่อไปแล้ว ขนาดครือๆ กับตุ๊กตุ๊กก็ว่าได้ แท็กซี่หมดสิทธิ์เข้า จะถอยก็สายเกินไปเพราะมีมอเตอร์ไซค์แล่นตามหลังมาติดๆ อาศัยว่าลุงหมาดขับรถหากินย่านนั้นมาหลายปี แกเลยขับต่อไปเรื่อยๆ พลางร้องบอกผมว่า เดี๋ยวจะไปกลับรถข้างใน




ต้นโพธิ์เหยียดทะมึนอยู่ด้านหน้าพอดี ท่าทางจะเป็นซอยต้น


แต่โชเฟอร์หมาดหักซ้ายวูบแล้วเลี้ยวขวาอีกที ซอยกว้างขึ้นพะเรอ...ชะลอรถให้มอเตอร์ไซค์แซงหน้าไป ก่อนจะเลี้ยวรถกลับ




สรรพสิ่งเงียบเชียบและเยือกเย็น


ยอดโพธิ์พลิกใบล้อลม บางทีก็ส่งเสียงซู่ซ่าน่าใจหาย...ปรากฏว่าลุงหมาดหาทางกลับไม่เจอ เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตันหมด ร้องแต่ว่าเอาล่ะวะ! แล้วตัดสินใจบึ่งไปข้างหน้าจนทะลุซอยใหญ่หลังสถานีรถไฟสามเสน ซิกแซกมาจนถึงกองขยะท่วมหัวที่มีทางเข้าบ้านผมได้ เรียกกันว่าซอยฟักไข่


เมื่อถึงจุดหมาย ผมเลยให้แกไป 40 บาท ลุงหมาดยกมือท่วมหัว บอกว่ามีอะไรดลใจให้แกพาผมไปผิดทางก็ไม่ทราบ? จู่ๆ เลี้ยวเข้าไปในซอยแคบสุดๆ ได้ไงก็ไม่รู้...สงสัยว่าผีบังตาจนแกเลี้ยวเข้าซอยเปลี่ยวใจ!

ข้างผมนึกถึงลางของตัวเองก็ได้แต่นึกอยู่ว่า...มิน่าล่ะ!


แหล่งที่มา: บอร์ดรวมเรื่องผี


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์