ผีป่าไพร


ผีป่าไพร

"สาวน้อยบึงกาฬ" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากป่าภูสิงห์ หนองคาย


คนทางภาคอีสานบ้านเกิดของดิฉัน ส่วนมากจะเชื่อผีและนับถือผีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วค่ะ ไม่ว่าผีแถน, ผีฟ้า, ผีปู่ตา รวมทั้งเจ้าป่าเจ้าเขาต่างๆ นอกจากนั้นก็คือนับถือผีบรรพบุรุษ ทั้งปู่ ย่า ตา ยาย และญาติผู้ใหญ่ต่างๆ ที่ล่วงลับไปแล้ว เชื่อว่าพวกท่านจะคอยคุ้มครองดูแลลูกหลานให้อยู่เย็นเป็นสุขค่ะ





ไม่นับผีปอบ ผีโพง (ผีกระสือ) และผีตายโหงที่ถือว่าเป็นผีจร


หรือวิญญาณเร่ร่อน เป็นพวกผีร้าย คอยหลอกหลอนผู้คนให้ตกใจ จนถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ หวาดกลัวขนาดเจ็บไข้ได้ป่วย บ้างอาการหนักจนล้มตายไปก็มี

ที่หนักกว่านั้นคือผีป่าผีไพร!






ดิฉันเป็นคนบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย


ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง ตรงข้ามกับท่าเดื่อทางฝั่งลาว สมัยก่อนบ้านเมืองยังไม่เจริญ ผู้คนมีน้อย ป่าดงมีมาก ชาวบ้านมีอาชีพหาของป่าและล่าสัตว์ ซึ่งมีชุกชุมโดยเฉพาะที่ภูสิงห์ ตำบลชัยพร ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งอาหารของพวกเราก็ไม่ผิดหรอกค่ะ




ถึงจะเป็นป่าสงวนก็จริง


แต่ทางการยังไม่เข้มงวดนัก เพราะชาวบ้านเข้าไปทำมาหากินกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว หาของป่านะคะ ไม่ใช่ทำลายป่าเหมือนอย่างสมัยนี้

ตอนเช้าก็เข้าป่ากัน สะพายปืนแก๊ปบ้าง ถือพร้าบ้าง บางคนก็หิ้วตะกร้าไปใส่หน่อไม้ ใส่ผัก บางคนก็ถนัดทางตีผึ้ง หาสมุนไพรต่างๆ แต่ที่ขาดไม่ได้ก็คือเสบียงกรังมื้อกลางวันที่ลูกเมียตระเตรียมไปให้กินกลางทาง




ผีป่าผีไพรดุร้ายอย่างไรน่ะหรือคะ?


พวกหาของป่าออกไปไม่ไกลเท่าไหร่เลยไม่ค่อยได้พบ แต่พวกพรานอย่างตานวน, ลุงโอด, น้าโฮม ต้องเข้าป่าไปไกลๆ บางทีก็ตามรอยสัตว์เข้าไปในป่าลึก ขนาดต้องนอนค้างอ้างแรมก็มี ทุกคนบอกว่าเจอผีป่าบ่อยๆ แต่มีคาถาอาคมพอตัวก็เลยรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิดค่ะ





ตานวนบอกว่าวันหนึ่งเจอฝนตกหนัก


ต้องเข้าไปหลบในถ้ำที่ภูสิงห์ พายุพัดกระหน่ำจนต้นไม้หักโค่น เสียงคึ่กๆ ครึกโครมน่าแล้ว แล้วพวกผีก็แห่มาที่หน้าถ้ำดำมืด




แกเล่าว่าต้องภาวนาคาถาอยู่เป็นนาน


ฝนซาลงแต่ฝูงผีก็ยังครางฮือๆ อยู่หน้าถ้ำ ถ้าไม่มีคาถาป้องกัน พวกมันคงจะแห่เข้ามาเล่นงานแกแน่ๆ เลยต้องก่อไฟเพื่อใช้กันหนาวและกันผี อาศัยนอนในถ้ำตลอดคืนจนรุ่งขึ้นถึงกลับบ้านได้ แถมล่าสัตว์ไม่ได้ซักตัว





ลุงโอดบอกว่ายังดี


เพราะแกเคยเข้าไปหลบฝนในถ้ำเหมือนกัน ไม่รู้ว่าถ้ำเดียวกันหรือเปล่า แต่เห็นโครงกระดูกมนุษย์กับกะโหลกตากลวงโบ๋คลุกดินอยู่ในนั้นพอดี

ตอนแรกก็ไม่กลัวหรอก แต่โครงกระดูกเจ้ากรรมนั่นเกิดขยับกรอบแกรบหันมาจ้องมอง ก่อนจะลุกขึ้นยืนแกว่งไกวเกรียวกราว ลุงโอดบอกว่าคาถามีเยอะแต่ลืมหมด วิ่งเตลิดออกมาตากฝนดีกว่า ไม่ลื่นตกเขาตายก็ถือว่าเป็นบุญแล้วค่ะ




น้าโฮมบอกว่า


ผีป่ามีทั้งผีดั้งเดิมที่สิงสู่มาดึกดำบรรพ์ กับผีพวกพรานที่ถึงฆาต ชะตาขาด โดนเสือขบหัวตายมั่ง โดนงูกัดตายมั่ง รวมทั้งผีป่าบังตาจนหาทางกลับไม่เจอมั่ง เห็นภาพลวงตาว่าหน้าผาหรือหุบเหวเป็นเดิมมั่ง

ถ้านับจากอดีตมาก็ไม่รู้ว่ากี่ศพแล้ว!




ที่น่าขนหัวลุกมากๆ คือน้าโฮมบอกว่า


ชาวบ้านที่เคยหายสาบสูญไปในป่าน่ะ ความจริงล้วนแต่ตายเพราะสาเหตุต่างๆ แล้วทั้งนั้น แต่วิญญาณยังสิงสู่วนเวียนอยู่ในที่ตาย ไม่ได้ไปผุดไปเกิด เพราะศพไม่ได้รับการบำเพ็ญกุศล กับญาติไม่รู้แน่ว่าตายแล้วจึงไม่มีใครทำบุญกรวดน้ำไปให้




พวกเราเด็กๆ ได้ฟังก็กลัวป่าดงกันทั้งนั้นแหละค่ะ


ยิ่งเขาลือว่าภูสิงห์ผีดุนักยิ่งไม่มีใครอยากจะตามผู้ใหญ่ไปหาของป่า แม้แต่หน่อไม้ หรือเห็ดเผาะ ผักหวาน ก็จะเที่ยวเสาะหาเอาใกล้ๆ บ้านนั่นเอง

จนกระทั่งวันหนึ่ง น้าโฮมออกไปล่าสัตว์แล้วไม่กลับบ้าน ตอนค่ำตานวนกับลุงโอดกลับมาแล้ว น้านวนก็ยังไม่กลับ น้าแป้นเมียน้านวนไปถามคนทั้งสองก็บอกไม่เห็นเลย เพราะเข้าป่าก็แยกย้ายกันไป ดูเหมือนหน้าโฮมจะตามรอยกวางเขางามระย้าไปทางภูสิงห์ แล้วไม่ได้พบกันจนป่านนี้




น้าแป้นร้องห่มร้องไห้เป็นห่วงผัว


ไปบอกผู้ใหญ่บ้านก็ทำท่าอ้ำๆ อึ้งๆ น้าแป้นถึงกับยกมือไหว้ตานวนกับลุงโอดให้ช่วยตามหาให้ด้วย เพราะไหนจะห่วงผัว ไหนจะถ้าขาดพ่อขาดผัวเสียคน ลูกเมียคงพากันอดตายแน่ๆ

พรานทั้งสองยอมรับว่ากลัวผีป่า ขึ้นชื่อว่าภูสิงห์แล้วกลางวันยังเสียวสันหลัง ถ้ากลางค่ำกลางคืนไม่ยอมย่างกรายไปเด็ดขาด พอดีผู้ใหญ่คำสัญญาว่าถ้าสองพรานเป็นคนนำทางก็จะไปด้วย




วันรุ่งขึ้น คนทั้งสามก็สะพายปืนเข้าป่า


น้าแป้นจุดธูปบนบานศาลกล่าวเจ้าพ่อภูสิงห์ให้ได้พบผัวของแกด้วยเถิด ชาวบ้านก็อุ้มลูกจูงหลานมาจับกลุ่มพูดคุยกันหนาตา

ฝ่ายพรานกับผู้ใหญ่บ้านตามรอยน้าโฮมไปจนถึงภูสิงห์ รอบตัวมีแต่ป่าทึบเปล่าเปลี่ยว แสงแดดแทบจะส่องไม่ถึง ใบไม้เน่าๆ กองทับถมส่งกลิ่นเหม็นน่าอึดอัดจนต้องเบือนหนี สายลมคร่ำครวญอยู่ตามยอดไม้ ฟังเหมือนเสียงใครกระซิบกระซาบความลับต่อกัน





จู่ๆ ใครคนหนึ่งก็โผล่พรวดพราดเข้ามา เล่นเอาสะดุ้งโหยงไปตามๆ กันตา


นวนร้องว่าไอ้ห้าวมาทำอะไรที่นี่วะ?

คำตอบคือ...ไอ้โฮมนอนตายอยู่ในเหวบนภูสิงห์โน่น!






ทั้งหมดพากันปีนป่ายขึ้นไปจนถึงชะง่อนผา


มองลงไปก็เห็นร่างแหลกเหลวอาบเลือดของน้าโฮม นอนลืมตาโพลง ปากอ้าค้าง...ผู้ใหญ่คำหันมาหาทิดห้าวแต่ก็ไม่เห็น ตานวนสบตากับลุงโอดแล้วร้องออกมาพร้อมกันว่า...ไอ้ห้าวมันโดนงูกัดตายไปแล้ว

เย็นนั้น ผู้ใหญ่คำกับสองพรานวิ่งล้มลุกคลุกคลานกลับมา เนื้อตัวถลอกปอกเปิก หอบฮั่กๆ ปานจะขาดใจตาย...ทั้งเจอศพน้านวนกับโดนผีทิดห้าวหลอกน่ะซีคะ!




แหล่งที่มา: บอร์ดรวมเรื่องผี


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์