ชายชุดขาว


ชายชุดขาว

"เดินฝ่าความมืด"


วันนั้นผมกำลังเดินทางกลับจากไปเยี่ยมเพื่อน บ้านเพื่อนที่ว่าเป็นหมู่บ้านไม้ที่ผู้มีฐานะชาวบ้านปลูกประจำกันองเป็นถิ่นฐาน ชุมชนนี้อยู่หลังวัดแห่งหนึ่งซึ่งเป็นวัดที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงแต่ถึงอย่างไรก็เป็นวัดที่ผู้คนแถวนั้นให้ความนับถือเป็นเวลาช้านาน...

เยี่ยมเพื่อนเสร็จกล่าวจะกลับบ้านก็ปาเข้าไปหัวค่ำ ผมขอร้องให้เพื่อนไปส่งเป็นเป็นเพื่อนเพื่อนมันก็ออกปากจะไปส่งแค่หัวโค้งประตูหลังวัดเพราะต้องรีบไปทำธุระ ผมเลยต้องจำใจเดินฝ่าความมืดไปคนเดียวไปคนเดียว พอมาถึงประตูวัดเพื่อนมันก็บอกลาเพื่อรีบกลับไปทำธุระของมันต่อ ผมเดินผ่านเข้ามาทางประตูหลังวัดคนเดียว ทางที่ผ่านไปก็แสนจะเปลี่ยวและวังเวงเพราะเป็นทางขนานด้านหนึ่งเป็นกำแพงวัดสูงใหญ่อีกด้านหนึ่งเป็นป่าละเมาะกว้างยาวขนาบไปจนสุดทางโน้น บวกกับบรรยากาศยามค่ำและเสียงจั๊กจั่นร้องยิ่งทำให้ผม


"กลิ่นเหม็นเน่าข้างทาง"


ไม่กล้าตัดสินใจที่จะเดินฝ่าไปข้างหน้าต่อ แต่ก็ต้องจำใจเดินไปเพราะนี้เป็นทางเดียวที่จะออกไปโผล่หน้าซอยที่มีวินมอเตอร์ไซต์จอดรออยู่ ดีกว่าไปทางหน้าวัดที่ไม่รู้กว่าจะถึงต้องปาเข้าไปกี่ทุ่ม ระหว่างทางที่เดินไปมองทางข้างหน้าก็มืดมิดไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรมีแต่เพียงแสงวาบๆจากหลอดนีออนที่ส่องริบหรี่อยู่ข้างทางวึ่งให้เวลานานโขกว่าจะไปถึงแสงนั้น ผมมมองขึ้นไปบนท้องฟ้าก็เห็นแต่หมู่ดาว เดินทางไปเรื่อยรู้สึกได้กลิ่นเหม็นเน่าๆเหมือนซากสัตว์ตายลอยมาจากป่าละเมาะข้างทางซึ่งก็เป็นเรื่องปกติของการเดินทางแบบที่นี้ ยังเอะใจอยู่ว่าทำไมชาวบ้านไม่มาสร้างบ้านเรื่อนอยู่แถวนี้บ้างเลย

มันน่าจะมีแสงไฟมากกว่าแสงจากหลอดนีออนหลอดยาวๆเพียงหลอดเดียวนี้ ว่าแล้วก็เร่งเดินทางไปจนใกล้ภึงบริเวณที่แสงจากหลอดไฟให้ความสว่างเพียงน้อยนิดเป็นบริเวณช่วงนั้น ทันใดนั้นผมก็เงี่ยหูฟังได้ยินเสียงแน่วแน่ที่ว่าเป็นเสียงของสุนัข ทางข้างหน้ามีสุนับกำลังเห่าหอนเหมือนขู่ตะคอกอะไรบางอย่างและสุนัขที่ว่าไม่ใช่แค่ตัวเดียวแต่มีตั้งหลายเสียงหลายตัว ผมสังเกตุเห็นเมื่อมองไปยังทางข้างหน้าและสิ่งที่เห็นก็คือกลุ่มสุนัขจรจัดกำลังรุมล้อมและเห่าใส่อะไรบางอย่างที่อยู่กลางวงนั้น ผมมมองจากระยะทางไกลเห็นเป็นผู้ชายแบบว่าเป็นเงาลางๆเป็นคนนะครับแต่ใส่เสื้อเก่าๆขาดๆสีขาว


"เลือดไหลเยิ้มหยดลงบนเสื้อ"


ผมคิดในใจว่าพวกหมาวัดนั้นกำลังรุมเห่าคนเมา ผมเลบรีบรุดเดินไปยังบริเวณดังกล่าวให้โดยเร็วเพื่อไล่หมาจรจัดพวกนั้นให้เขาซึ่งชายเสื้อขาวคนนั้นเดินตุบปัดตุบเป๋เหมือนคนเมาๆจริงๆ และแล้วผมก็ถึงบริเวณนั้นจนได้ผมตะโกนไล่พวกหมาออกไปจนพวกมันวิ่งกระเจิงไป ผมเห็นชายเสื้อขาวคนนั้นยืนเอ้งเท่งหันหลังให้อยู่ในสภาพเสื้อที่ฉีกขาดหลุดรุ่ยที่มือกำขวดเหล้าไว้แน่น ผมกะจะเอ่ยถามว่าเขาเป็นอะไนมากไมซ่งเป็นจังหวะที่เขาค่อยๆหันหน้ามาทางผม ทันใดนั้นเองความกลัวก็แล่นเข้าจับขั้วหัวใจผมจนสุดขีด

รู้สึกทันทีว่าเลือดถูกสูบฉีดเข้าไปขั้วใจอย่างกระทันหัน ขนตัวลูกซู่... เมื่อชายคนนั้นหันหน้ามาเผยให้เห็ริ้วรอยที่น่าสยดสยอง แน่ล่ะเขาไม่ใช่คนแน่แล้ว สภาพใบหน้าที่หนังถูกฉีกออกจนเปิดเห็นกล้ามเนื้อหน้าภายในสดๆแดง และมีเลือดไหลเยิ้มหยดลงมาบนเสื้อ ช่วงเหนือปากที่เปิดออกมาจนเห็นเหงือกภายในและฟันซีกขาวเรียงเป็นแถว และลูกตาข้างซ้ายที่หลุดถลนออกมาจากเบ้าตา และมีเสียงครางเบาๆออกมาจากลำคอ เออ...เออ...อ. อ. ช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยองจริงๆ ผมจ้องมอง ณ จังงังอยู่ตรงนั้นและสมองก็สั่งการโดยเร็วให้ผมรีบขยับร่างกายวิ่งออกมาจากบริเวณนั้นโดยด่วน


"วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต"


ผมวิ่งหนีออกมาอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดจะเหลียวหลังกลับไปมองอีกเด็ดขาด ผมวิ่งก็วิ่งจริงๆ วิ่งเร็วด้วย..เร็วแบบไม่คาดคิดว่าตัวเองจะวิ่งได้เร็วขนาดนี้มาก่อน -*- และสะดุดหกล้มกับพื้นอย่างจังจนหัวเข้าถลอกเป็นแผล ก้มลงคุดคู้อยู่ตรงนั้น พอเงยหน้าขึ้นมาก็รู้ว่าอีกไม่เท่าไหร่ก็ถึงปากทางแล้ว มีแสงสว่างจากร้นค้าและเสียงรถมอเตอร์ไซต์วิ่งอยู่ ผมโล่งใจและถอนหายใจเฮือก.. พร้อมเดินไปทางข้างหน้าอย่างไม่ลังเล และปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไม่กล้าเอ่ยปากบอกใคร..แต่ในใจยังคงเสียววาบกับภาพที่เจออยู่ตรงนั้น...

มอเตอร์ไซต์ถามผมว่าจะไปไหน ผมก็อกว่าออกไปป้ายรถเมล์ปากซอย เขาเหลือบมาเห็นผมเอามือกำหัวเข่าไว้แน่นมีเลือดซิบๆ เขาก็ถามว่าเป็นอะไร ผมก้ไม่กล้าบอกเรื่องทั้งหมด บอกเขาไปแค่ว่าวิ่งสะดุดหกล้มเท่านั้น...



แหล่งข้อมูล : เรื่องเล่าสยอง


เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์