เรื่องมีอยู่ว่า ตอนที่ จขกท เรียนอยู่ชั้น ม.4 ได้เข้าไปร่วมชุมนุม นาฎศิลไทย เพราะเป็นคนชอบ ร้อง เล่น เต้น รำ หรือเป็นคนชอบแสดงออกนั่นเอง วันแรกที่คุณครูประจำชุมนุม ได้นัดให้พวกเราไปเจอที่ห้องดนตรีไทย เรากับเพื่อนเราและเพื่อนๆในชุมนุม ก็เดินไปพร้อมกัน เมื่อไปถึงห้องชุมนุม เราก็เข้าไป แต่สิ่งที่เราเจอคือ เครื่องดนตรีไทยทุกชนิด ถูกคลุมไปด้วยผ้าสีแดงผืนใหญ่ มีหยากไย่เกาะเต็มไปหมด เหมือนว่าไม่เคยได้ใช้งานเลย ครูประจำชุมนุมชื่อ ครูปุ๋ย ครูปุ๋ย อธิบายกฎกติกา การใช้ห้องดนตรีไทย และแน่นอน คือ ต้องทำความเคารพเครื่องดนตรีไทยทุกชิ้นก่อนนำมาบรรเลง พวกเราก็ตอบตกลงกับกฎของครูปุ๋ย และครูปุ๋ยยังเล่าต่ออีกว่า ห้องนี้ถูกปิดตายมานาน ด้วยสาเหตุที่ครูปุ๋ยไม่สามารถอธิบายได้ พวกเราได้แต่สงสัยแต่ไม่มีใครกล้าถามต่อ เมื่อหมดคาบชุมนุมซึ่งเป็นชั่วโมงเรียนสุดท้าย พวกเราเดินออกมาจากห้องดนตรีไทย แล้วเริ่มมีเสียงคุยกันต่างๆนาๆเรื่องที่ห้องดนตรีไทยมีการปิดตายมานาน มีแค่เราที่ไม่อยากคิดอะไร เพราะเวลาได้คิดแล้วมันไม่เคยพลาดเลย เรากับเพื่อนๆมานั่งรอกลับบ้านที่ม้าหินอ่อนหน้าอาคารเรียน นางจีเพื่อนเรา(เกริ่นเรื่องนางไปแล้วเมื่อตอนที่แล้ว) พูดขึ้นว่า เมื่อก่อนเคยมีคนเล่าให้ฟังว่ามีนักเรียน เป็นหอบหืด แล้วคุณครูลงโทษที่ไม่ยอมซ้อม ให้เป่าขลุ่ยอยู่อย่างนั้นครึ่งวัน จนอาการหอบกำเริบและช็อคตายคาขลุ่ย ครูไปห้องน้ำขึ้นมาเห็นพอดีแต่ช่วยไว้ไม่ทัน เรามองหน้าจีแล้วพูดว่า ก็พูดไปเรื่อย เค้าพูดต่อๆกันมากว่าจะถึงหูเรื่องก็ถูกต่อมาเยอะละ เออใช่ๆ(เพื่อนเราที่เหลือเห็นด้วยทุกคน) แล้วเราก็แยกย้ายกันกลับบ้านปกติ เวลาผ่านไปประมาณสองเดือน พวกเราก็ต้องไปแข่งขันนาฎศิลป์ไทย ที่ต่างจังหวัด ครูปุ๋ยเลยให้พวกเราเข้าค่ายฝึกซ้อมกันที่โรงเรียนเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน
และมันเป็นจุดเริ่มต้นของการเจอเหตุการณ์แปลกๆ การรู้ความจริงบางอย่าง และการเจอดีจากการลบหลู่ของเพื่อน เป็น 3 วัน 2 คืน ที่ยาวนานมาก